ทางการเซี่ยงไฮ้เตรียมสร้าง ‘เมืองแห่งอนาคต’ รวมวิถีชีวิตคนเมืองและเกษตรกรรมเข้าด้วยกัน

เวลายิ่งผ่านไป สิ่งก่อสร้างและนวัตกรรมยุคอนาคตก็เริ่มที่จะมีออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงแนวคิดการใช้ชีวิตต่างๆ ก็เริ่มที่จะคล้ายคลึงกับนิยามของโลกอนาคตมากขึ้นไปอีกขั้นตามกาลเวลา

ล่าสุดทางทางการของเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็ได้เริ่มดำเนินการตามแผนที่จะเปลี่ยนโฉมเกษตรกรรมให้เข้ากับชีวิตคนเมือง ซึ่งเป็นการออกแบบร่วมกับบริษัท Sasaki

 

.

 

แผนการในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้เซี่ยงไฮ้สามารถผลิตอาหารขึ้นภายในตัวเมือง และหล่อเลี้ยงประชากรกว่า 24 ล้านคนได้ ซึ่งตามแผนแล้วก็จะเกิดขึ้นในย่านหนึ่งของอำเภอผู่ตงและเรียกย่านนี้ว่า Sunqiao

สิ่งก่อสร้างในย่านนี้ทั้งหมดก็จะประกอบด้วยตึกสูงที่มีทั้งความงดงาม และพื้นที่ใช้สอยในการทำเกษตรกรรม โดยทั้งสองอย่างจะใช้งานร่วมกันจนเกิดเป็นสังคมเกษตรกรรมของคนเมือง

 

.

 

แต่ไม่ได้มีเพียงวิถีชีวิตทางเกษตรกรรมเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นในย่านนี้ เพราะจะมีสิ่งก่อสร้างเพื่อความบันเทิงและอำนวยความสะดวกต่างๆ เกิดขึ้นมาควบคู่เช่นกัน

ส่วนการปลูกพืชก็จะใช้วิธีการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ หรือการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน โดยพืชที่จะปลูกในย่านนี้ก็จะประกอบด้วยผักต่างๆ เช่น ผักโขม, ผักเคล, ผักกาดกวางตุ้ง และสลัดน้ำ

 

.

 

ที่สำคัญจะใช้วิธีการดูแลด้วยหลอดไฟ LED พร้อมกับให้น้ำสะอาดกับพืชผักพร้อมกับการดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนผักที่โตเต็มที่ก็จะขายและกระจายให้กับร้านค้าต่างๆ ในย่าน Sunqiao นั่นเอง

Michael Grove ประธานบริษัท Sasaki บอกว่า เขาเตรียมที่จะเริ่มแผนการจัดการที่ดินในบริเวณดังกล่าวในปี 2018 แต่ยังไม่สามารถระบุวันและเดือนที่แน่นอนได้

เขายังบอกเพิ่มเติมอีกว่าปัญหาใหญ่ของโปรเจคนี้ก็คือการออกแบบตึกที่จะใช้ในย่านดังกล่าว ว่าจะทำให้ยังไงให้ตัวตึกบดบังแสงอาทิตย์ให้ได้น้อยที่สุด

 

.

.

 

ส่วนถ้าใครรู้สึกว่าโปรเจคนี้มันคุ้นๆ ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีบริษัทจากทางฝั่งอิตาลี Stefano Boeri ที่บอกว่าจะสร้างเมืองต้นไม้ในนครฉือเจียจวง ซึ่งถือเป็นโปรเจคที่มีความทะเยอทะยานและเป็นไปได้ยากมากๆ โปรเจคหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ยังไงซะก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่มีนักออกแบบมากมายสนใจจะทำให้ตัวเมืองกับธรรมชาติสามารถอยู่ร่วมกันได้ และสุดท้ายคนที่ได้ผลตอบแทนจากสิ่งเหล่านี้ที่ดีที่สุดก็คือมนุษย์เรานั่นเอง

 

 

โลกอนาคตนี่มันสุดยอดจริงๆ เลยนะ

ที่มา  shanghaiist

Comments

Leave a Reply