Mark Ching หนุ่มนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนกับคนทั่วไป เขาจะใช้เวลาว่างเพื่อช่วยเหลือเหล่าสุนัขที่ถูกทำร้าย และหาบ้านใหม่ให้กับพวกมัน
หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องราวของความน่ากลัวว่ามีประเพณีการขายเนื้อสุนัขในประเทศจีน จึงทำให้เขาตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยเหล่ามะหมาให้รอดพ้นจากการถูกฆ่า
ชีวิตของนาย Mark ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่ปี 2015 เมื่อเขาได้ยินเรื่องราวของเทศกาลประจำปีของชาวจีนชื่อว่า Yulin Dog Meat Festival ที่จะนำสุนัขมาเชือดแล้วก็ขายกันเป็นหมื่นๆ ตัว
จึงได้ทำการตัดสินใจที่จะตีตั๋วบินจากนคร Los Angeles ไปสู่ประเทศจีน และทำการช่วยชีวิตของเหล่ามะหมาผู้มีชะตากรรมโชคร้ายออกมาให้ได้มากที่สุด
“ทริปแรกของผมเป็นช่วงหลังจบงานเทศกาล Yulin เมื่อวันที่ 1 กันยายน เมื่อผมเดินทางไปถึงเมืองจีน ผมเห็นสิ่งที่พวกเขาทำ ผมรู้ดีว่าที่นี่เค้าทานเนื้อสุนัขกัน แต่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าก่อนที่จะฆ่าพวกมันเพื่อเอาเนื้อมาทานนั้นได้มีการทารุณกรรมพวกมันด้วย ผมว่ามันไม่ถูกต้อง” Mark กล่าว
จากนั้นเขาก็เดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียอย่างเช่น เกาหลีใต้ และเวียดนาม เยี่ยมชมตลาดซื้อขายเนื้อสุนัขและโรงฆ่าสัตว์ พร้อมกับเริ่มดำเนินการช่วยเหลือพวกมัน
ตอนแรกเขาตั้งใจไว้ว่าจะช่วยเจ้าหมาที่กำลังจะถูกฆ่าเพื่อนำเนื้อไปขายกว่า 249 ตัว ใน 4 ทริปแรกที่เขาเดินทางมาที่นี่ แต่ท้ายที่สุดก็พบว่าพวกมันได้ถูกฆ่าไปจนเกือบหมด เหลือรอดมาเพียงแค่ 61 ตัวเท่านั้น
และแผนการทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้น Mark ได้ทำการจ้างล่ามคนหนึ่ง และทำทีว่าจะเข้าไปติดต่อซื้อสุนัขจำนวนมาก เพื่อนำไปรับประทานเอง
“ผมต้องทำการเตี๊ยมกับล่ามของผม เพื่อเดินเข้าไปในโรงฆ่าสัตว์แล้วบอกกับพวกเขาว่า ‘นี่เป็นลูกค้า เขาเป็นเศรษฐีชาวอเมริกัน และต้องการซื้อสุนัขจำนวนมาก โดยที่ยังเป็นๆ อยู่ เพราะเขาต้องการฆ่าพวกมันด้วยตัวเอง จากนั้นก็จะเตรียมเนื้อ และส่งไปยังอเมริกา’”
“จากนั้นผมก็ได้ติดต่อกับคลินิคสัตว์เอาไว้ เพื่อหาที่พักพิงให้กับเหล่าสุนัขที่ช่วยเหลือออกมาเป็นจำนวนมากเอาไว้ก่อนประมาณ 2-3 เดือน ก่อนที่จะพาพวกมันบินกลับไปยังอเมริกา” Mark เล่า
จากการทำงานแบบนี้ทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิตเป็นอย่างมาก มีครั้งหนึ่งที่เข้าไปติดต่อกับคนขายเนื้อสุนัข และโดนพ่อค้าจับสังเกตได้ว่าเขาได้ทำการติดตั้งกล้อง GoPro เอาไว้ด้วย ทำให้เขาถูกทำร้ายด้วยการชกต่อย และบางครั้งก็ถึงกับโดนเอาปืนจ่อที่หัวเลยก็มี
และแน่นอนว่าในการเดินทางแต่ละครั้งมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากมาย อีกทั้งยังต้องจ้างทีมงาน เช่าสถานที่เพื่อดูแลเหล่าสุนัขหลังจากที่ช่วยเหลือมาได้แล้ว รวมทั้งหมดก็เป็นมูลค่ากว่าหลายล้านบาทในแต่ละปีเลยทีเดียว
“ธุรกิจของผมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่สำหรับทุกคนที่เป็นแบบผม พวกเขาก็มักจะเลือกซื้อนาฬิกา Rolex มาใส่ แต่สำหรับผมผมกลับเลือกที่จะนำเงินตรงนั้นมาช่วยสุนัข
แม้ว่าจะสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ผมคิดว่าในตอนที่เราช่วยเหลือพวกมันมาได้แล้ว มันช่างเป็นสิ่งที่ควรค่ากับเงินที่สูญเสียไป และมันมีความหมายกับผมมากมายจริงๆ” Mark กล่าว
ตั้งแต่ที่ Mark เริ่มทำการช่วยเหลือ และก่อตั้งองค์กร Animal Hope and Wellness Foundation เขาได้ทำการช่วยเหลือสุนัขจากการซื้อขายเนื้อสุนัขในทวีปเอเชียไปแล้วมากกว่า 1,000 ตัว
สุนัขแต่ละตัวที่ช่วยเหลือมาได้นั้นต่างก็มีร่องรอยของการถูกทารุณกรรม ทั้งถูกตัดอวัยวะ โดนเผาทั้งเป็น โดนไฟฟ้าช็อต เพราะความเชื่อที่ว่าเนื้อของมันจะอร่อยขึ้น เมื่อมันเกิดอาการกลัว
และแน่นอนว่าเขาจะดำเนินการช่วยเหลือพวกมันต่อไป แม้ว่าในแต่ละปีจะมีตัวเลขสถิติของสุนัขที่ถูกฆ่าเพื่อนำเนื้อไปขายในเอเชียมากกว่า 30 ล้านตัวต่อปี และเฉพาะที่ประเทศจีนก็ปาเข้าไปกว่า 10 ล้านตัวแล้ว
แม้ว่าหนทางยังคงอีกยาวไกล แต่ Mark ก็ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะทำให้การซื้อขายเนื้อสุนัขนี้ถูกยกเลิกไป และเปลี่ยนใจให้ผู้คนล้มเลิกการกินเนื้อสุนัข
ลองไปชมเรื่องราวของ Mark จากคลิปวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…
ที่มา : odditycentral
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.