เราอาจจะเคยได้ยินชื่อหรือเคยดูหนังที่เกี่ยวกับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่ล่มกลางมหาสมุทร ซึ่งเรือดังกล่าวคือเรือ “RMS Titanic” เรือที่เคยมีขนาดใหญ่และหรูหราที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เคยสร้างขึ้น
วันที่ 15 เมษายน ปีค.ศ. 1912 เรือ RMS Titanic ได้จมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก หลังชนภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทางเที่ยวแรกจากเซาธ์แทมป์ตันในสหราชอาณาจักร สู่มหานครนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกา
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดกับ “เรือซึ่งไม่มีวันจม” รวมถึงเรือชูชีพที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนคนบนเรือ ทำให้ผู้โดยสารและพนักงานกว่า 1,500 คนเสียชีวิตลง
ภาพเรือ RMS Titanic ที่ถ่ายไว้เมื่อปีค.ศ. 1912 ก่อนที่มันจะกลายเป็นเพียงตำนาน
เพื่อเป็นการรำลึกถึงโศกนาฎกรรมครั้งนั้น Yadegar Asisi ได้แสดงภาพถ่ายเรือ RMS Titanic ที่ปัจจุบันนี้จมอยู่อยู่ก้นมหาสมุทรและจัดแสดงด้วยสัดส่วนที่ใหญ่ถึง 1:1 หรือเป็นภาพถ่ายซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับเรือจริงทุกระเบียดนิ้ว
ผลงานดังกล่าวถูกจัดแสดง ณ Leipzig Panometer ประเทศเยอรมนี ในชื่อผลงานว่า “TITANIC – The Promise of Modernity”
ภาพถ่ายพาโนราม่าของ Titanic ที่เท่ากับขนาดเรือจริง!!
ด้วยภาพที่เป็นลักษณะ Panorama และขนาดภาพที่มีสัดส่วนใหญ่เท่ากับของจริง ทำให้ผู้เข้าชมได้รับรู้ความรู้สึกเหมือนตนเองกำลังดำดิ่งลงไปสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อชมซากเรือ Titanic จริงๆ
เหตุการณ์เรือ RMS Titanic แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 104 ปีแต่ก็ยังเป็นที่จดจำของคนบนโลก โดยเรื่องราวนี้ยังมีการเล่าผ่านทั้งจากหนัง ดนตรี ภาพวาดและภาพถ่ายเพื่อเป็นการไว้อาลัยและเตือนใจ
ผู้เข้าชมสามารถชมทุกส่วนของซากเรือได้อย่างใกล้ชิด
ผลงานของ Asisi นั้นไม่เพียงแต่จะกล่างถึงโศกนาฎกรรมการเดินเรือในอดีตแล้ว เขาใช้ภาพซากเรือ RMS Titanic นี้เพื่อเตือนใจเพื่อนมนุษย์ว่า เราไม่สามารถที่จะเอาชนะธรรมชาติได้ ไม่ว่าจะใช้เงินทองมากขนาดไหนก็ตาม มนุษย์ย่อมมีข้อจำกัดของตนเองอยู่ดี
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตทำให้ผู้ชมใช้เวลาในการชมนานเป็นพิเศษ
Asisi กล่าวกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับมุมมองของภาพเขาว่า “ผมมองว่า RMS Titanic เป็นเรื่องที่แสดงความสำเร็จทางด้านวิศวกรรมของมนุษย์ แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็แสดงถึงความโอหังของมนุษย์ที่ต้องการเอาชนะธรรมชาติ”
แม้ Titanic จะจมลมสู่ท้องทะเล แต่เรื่องราวของมันไม่ได้จมหายไป
#เหมียวปั๊ก ว่าภาพถ่ายของคุณ Asisi นั้นดูทรงพลังและสามารถบอกเล่าเรื่องราวของเรือ Titanic ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่ามันจะจมลงสู่ท้องทะเล แต่เรื่องราวนี้ก็ยังคงเล่าขานกันต่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังของธรรมชาติได้เป็นอย่างดีเลยนะ
ที่มา: designyoutrust
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.