เมื่อเร็วๆ นี้หากเพื่อนๆ ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแวดวงของการแพทย์ก็อาจจะทราบกันมาแล้วว่าปัจจุบันนี้มีพ่อแม่หลายคนในต่างประเทศที่ไม่ยอมพาลูกๆ ไปฉีดวัคซีนเพราะมีความเชื่อผิดๆ ว่าการฉีดวัคซีนจะทำให้ลูกเป็นออทิสซึม
ซึ่งจากรายงานขององค์กร World Health Organization ได้บอกเอาไว้ว่าการฉีดวัคซีนได้ช่วยชีวิตของมนุษยชาติไว้มากกว่า 17.1 ล้านชีวิตมาตั้งแต่ปี 2000
แต่ดูเหมือนว่าสถิติดังกล่าวค่อยๆ ชะลอตัวลง เพราะในช่วงหลังๆ มานี้มีพ่อแม่ชาวสหรัฐอเมริกาจำนวนมากไม่ยอมพาลูกของตัวเองไปฉีดวัคซีน ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา รวมไปถึงความเชื่อผิดๆ จากลัทธิต่อต้านการฉีดวัคซีนด้วย
และในประเทศเยอรมนีเองก็เริ่มมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อโรคหัดเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์คุณแม่ลูกสามเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ทางการของเยอรมนีต้องวางแผนที่จะออกกฎหมายใหม่แล้ว
โดยการปรับเงินพ่อแม่ที่ไม่ยอมพาลูกไปฉีดวัคซีนเป็นจำนวนเงินมากกว่า 95,000 บาท เลยทีเดียว
ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข Hermann Gröhe ได้ให้สัมภาษณ์ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อป้องกันการระบาดของโรคหัด “ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัด เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถเมินเฉยต่อมันได้” ท่านรัฐมนตรีกล่าว
สำหรับหน้าที่การตรวจสอบนั้นทางรัฐบาลจะมอบให้เป็นหน้าที่ของทางโรงเรียนอนุบาลที่จะทำการขอดูใบรับรองการฉีดวัคซีนของบุตรหลานจากผู้ปกครอง
และหากผู้ปกครองท่านใดไม่มีใบรับรองก็จะถูกเตือนและให้พาเด็กไปฉีดวัคซีนเสียก่อน หากยังไม่ทำตามก็จะถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนและปรับเงิน
จากรายงานของสถาบัน Robert Koch พบว่าในประเทศเยอรมันปีนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงช่วงกลางเดือนเมษายน ก็พบผู้ป่วยเป็นโรคหัดมากกว่า 410 รายแล้ว ซึ่งมากกว่าสถิติทั้งปีของปี 2016 ที่มีเพียงแค่ 325 รายเท่านั้น
จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทางรัฐบาลของประเทศเยอรมนีต้องจัดการ และนี่ก็ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่อาจทำให้โลกทั้งโลกจะต้องหันมาสนใจเรื่องของการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนกันอีกสักครั้ง
ที่มา : distractify
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.