ในชีวิตประจำวันของแต่ละคงจะเคยคลุกคลีอยู่กับสินค้าหรือข้าวของเครื่องใช้หลากหลายยี่ห้อมาบ้าง และสินค้าส่วนใหญ่ที่เราใช้ๆ กันอยู่นั้นก็มาจากบริษัทของต่างชาติทั้งสิ้น
แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าสินค้าหลายอย่างที่เราคิดว่ามาจากอเมริกานั้น บางทีเจ้าของอาจจะไม่ใช่ชาวอเมริกาแล้วก็ได้นะ!! อ่า.. แล้วจะมียี่ห้ออะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย
1. Budweiser
นักดื่มหลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับเบียร์สัญชาติอเมริกายี่ห้อนี้กันเป็นอย่างดี แต่พวกเรารู้กันรึเปล่าว่าตอนนี้ Budweiser นั้นไม่ได้เป็นเบียร์สัญชาติอเมริกาอีกต่อไปแล้ว
หลังจากในปี 2008 พวกเขาขายบริษัทให้กับ Anheuser-Busch InBev บริษัทเครื่องดื่มสัญชาติเบลเยี่ยมด้วยมูลค่าถึง 5 หมื่น 2 พันล้านเหรียญ
2. Ben & Jerrys
ไอศกรีมที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของชาวอเมริกาที่ก่อตั้งจากสองเพื่อนรัก Ben Cohen และ Jerry Greenfield ได้ถูกซื้อโดยบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค Unilever สัญชาติดัช-อังกฤษ ในปี 2000 ด้วยมูลค่าสูงถึง 326 ล้านเหรียญ
3. Burger King
ถ้าหากคุณไม่ใช่นักลงทุนหรือสนใจในข่าวเศรษฐกิจต้องไม่เคยรู้มาก่อนแน่ว่าตอนนี้ Burger King นั้นไม่ใช่บริษัทสัญชาติอเมริกันอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่มีการเปลี่ยนมือเจ้าของมาหลายครั้งตอนนี้ร้านเบอร์เกอร์ที่มีประวัติอันยาวนานนี้ตกเป็นของ 3G Capital กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่จากแคนาดาเรียบร้อยแล้ว
4. Trader Joe’s
ร้านค้าปลีกสัญชาติอเมริกันนี้เริ่มก่อตั้งในปี 1967 หลังจากที่พวกเขาเริ่มต้นธุรกิจในแคลิฟอเนียร์ และหลังจากนั้นไม่นานมันก็ตกมาอยู่ในมือของ Theo Albrecht มหาเศรษฐีชาวเยอรมนี ผู้เป็นเจ้าของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตยี่ห้อ Aldi Nord ในปี 1979
5. Lucky Strike
หนึ่งในบุหรี่ที่มียอดขายมาที่สุดในสหรัฐอเมริกาถึงแม้หลายๆ คนจะเข้าใจว่าบุหรี่ยี่ห้อนี้เป็นบุหรี่อเมริกัน แต่อันที่จริงบริษัทนี้ตกไปอยู่ในมือบริษัท British American Tobacco company บริษัทสัญชาติอังกฤษ ตั้งแต่ยุค 70 แล้ว
6. General Electric (ส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้า)
บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่คู่ชาวอเมริกันมาอย่างยาวนาน ภายใต้ข้อความพิเศษที่ว่า “Made in America” ได้ถูกชื้อโดยบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากประเทศจีนอย่าง Haier ด้วยมูลค่าถึง 54 ล้านในปี 2016 ที่ผ่านมา
7. American Apparel
บริษัทเสื้อผ้าจากแคลิฟอเนียร์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบริษัทขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือมาก่อน แต่หลังจากที่ประสบปัญหาล้มละลายในปี 2015 ตอนนี้บริษัทของพวกเขาก็ตกไปอยู่ในมือของบริษัทเสื้อผ้าจากแคนาดาอย่าง Gildan เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
8. French’s Mustard
หลังจากที่มัสตาร์ดของ French สร้างชื่อในงาน St. Louis World’s Fair ลูกชายของพวกเขาก็มีความคิดที่จะออกมาตั้งบริษัทผลิตมัสตาร์ดนี้ด้วยตัวเอง
และหลังจากนั้นไม่นานในปี 1926 บริษัทยักษ์ใหญ่จากอังกฤษก็เข้ามาซื้อกิจการของพวกเขา ตอนนี้ French’s Mustard อยู่ในเครือของบริษัท Reckitt Benckiser ที่เป็นเจ้าของถุงยาง Durex และลูกอม Strepsils
9. 7-Eleven
ร้านค้าปลีกที่หลายๆ คนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีนี้เริ่มก่อตั้งโดยคุณ Jefferson Green พนักงานขายไอศกรีมในช่วงปี 1927
และหลังจากที่เกิดวิกฤติทางการเงินในปี 1987 บริษัทค้าปลีกที่คนไทยคุ้นตากันเป็นอย่างดีนี้ ก็ตกไปอยู่ในมือของ Ito-Yokado หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Seven & I Holdings บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น
10. Sunglass Hut
ร้านขายแว่นกันแดดชื่อดังนี้เริ่มต้นมาจากร้านเล็กๆ ในไมแอมี่ ในปี 1971 และขยายเป็น 100 สาขาในปี 1986 จากนั้นครอบครั้ว Ziff ผู้ก่อตั้งก็เริ่มขายหุ้นของพวกเขาในปี 1991
และตอนนี้สาขาทั้งหมดของร้านขายแว่นดังกล่าวได้ตกเป็นของ Luxottica บริษัทแว่นจากอิตาลีด้วยมูลค่า 462 ล้านเหรียญในปี 2001
11. Holiday Inn
คุณ Kemmons Wilson นักธุรกิจหนุ่มเริ่มสร้างโรงแรมนี้แห่งแรกที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี โดยได้เดียมาจากความต้องการที่จะหาห้องพักที่มีความสะดวกสบายสำหรับครอบครั้วในวันหยุด
หลังจากนั้นในช่วงระหว่างปี 1998 ถึง 1990 ธุรกิจโรงแรมดังกล่าวก็ถูกเทคโอเวอร์โดยบริษัทสัญชาติอังกฤษอย่าง InterContinental Hotels Group
12. Hellman’s
Hellman หนึ่งในสินค้าที่อยู่คู่ครัวชาวอเมริกันมาอย่างยาวนาน คุณ Richard Hellmann ผู้ลี้ภัยชาวเยอรมนีได้ก่อตั้งบริษัทของเขาขึ้นที่เมืองนิวยอร์ก ในปี 1903
ตอนนี้มายองเนสที่ได้ชื่อว่ารสชาติดีที่สุดตกเป็นของ Unilever บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคสัญชาติดัช-อังกฤษ ด้วยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2000 เรียบร้อยแล้ว
โอโห บางยี่ห้อ #เหมียวเวจจี้ ยังนึกว่าเป็นของอเมริกาอยู่เลยนะเนี่ย แบบนี้ก็มีเรื่องใหม่ๆ เอาไว้โมกับเพื่อนแล้วละสิ ฮ่าๆ
ที่มา businessinsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.