โรคดูดนิ้วเป็นพฤติกรรมที่มักพบในเด็กทารกหรือเด็กเล็ก และเมื่ออายุประมาณ 5 ขวบ พวกเขาก็เลิกพฤติกรรมนั้นไปหรือบางคนไม่เคยดูดนิ้วเลยก็มี
ด้วยเหตุนี้เราหลายคนจึงคิดว่าผู้ใหญ่คงไม่มีพฤติกรรมดูดนิ้วแน่นอน แต่จริงๆ มีผู้ใหญ่ไม่น้อยที่เป็นโรคดูดนิ้ว แต่พวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ทำในที่สาธารณะเพราะกลัวจะโดนหาว่าเป็นคนวิปริต
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าโรคดูดนิ้วเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป โดยพบในสัดส่วน 1 ใน 10 แต่พวกเขาจะแสดงพฤติกรรมนี้เฉพาะในพื้นที่ของตัวเองหรือที่ที่สะดวกใจที่จะทำเท่านั้น
สำหรับโรคดูดนิ้วนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ตอนมนุษย์อยู่ในมดลูก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สร้างความสบายใจที่เกิดจากการเลียนแบบทารก โดยจะพบมากในเด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่และเด็กที่มีความวิตกกังวล
ในผู้ใหญ่ก็เช่นกัน พวกเขามักจะดูดนิ้วเพื่อจัดการกับความวิตกกังวลหรือทำให้ผ่อนคลายเวลานอน ในขณะที่บางคนจะดูดหัวแม่มือเพื่อเป็นการปลอบใจตัวเองทุกครั้งที่คิดขึ้นได้ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเลย
ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคดูดนิ้ว เมื่อเริ่มดูดนิ้วแล้วก็จะทำอย่างต่อเนื่องเพราะรู้สึกเพลิน แต่โดยมากจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะกลัวสายตายคนรอบข้าง ดังนั้นเมื่ออยู่ในที่สาธารณะพวกเขาจึงเลือกที่จะควบคุมตัวเองมากกว่าแสดงออก
แต่เมื่อไรก็ตามที่พวกเขาพาตัวเองออกจากพื้นที่สาธารณะหรือนอกสายตาสังคม ไม่ว่าจะในบ้านตัวเอง หรือในรถ พวกเขาจะดูดนิ้วหัวแม่มือทันที โดยจะใช้นิ้วชี้เขี่ยเล่นหรือวนรอบๆ จมูก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อาจจะติดไปตลอดชีวิตเพราะแก้ได้ยาก
Harvey Miller วัย 65 ปี จากนิวยอร์ก เป็นหนึ่งในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคดูดนิ้ว เขาดูดแทบจะตลอดเวลาไม่ว่าจะดูทีวี อ่านหนังสือ ขับรถ และก่อนนอน โดยให้เหตุผลว่า “ผมคิดว่าการดูดนิ้วช่วยทำให้สบายใจได้”
ดังนั้นสิ่งที่ Harvey ต้องการคืออยากให้สังคมยอมรับพฤติกรรมการดูดนิ้วของผู้ใหญ่ เพื่อให้คนเป็นโรคดูดนิ้วสามารถแสดงออกได้อย่างอิสระ แทนที่จะมองว่าเป็นเรื่องตลกหรือเรื่องแปลก
เขายังบอกอีกว่า “ผมอยากดูดนิ้วในที่สาธารณะได้อย่างอิสระ แต่ก็ไม่เคยทำได้เลย เพราะกลัวการเข้าใจผิดและการถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ ครับ”
ไม่ใช่แค่ Harvey เท่านั้น Chris Hart นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาบอกว่า “อัตราการดูดนิ้วของผู้ใหญ่พบได้ 1 ใน 10 คน โดยจะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า ซึ่งเซเลปชื่อดังอย่าง Rihanna ก็เป็นโรคดูดนิ้วเช่นกัน”
Harry Oloo นายธนาคารวัยสามสิบปลายๆ พยายามจะเลิกดูดนิ้วหลายครั้งมาก แต่สุดท้ายมันก็กลับมาเป็นอีก เขาบอกว่าเริ่มเป็นตอนสมัยเรียน เวลาทำข้อสอบแล้วกังวลเขาก็จะดูดนิ้วทุกครั้ง และเป็นมากระทั่งจนตอนนี้โดยเฉพาะในเวลานอน
Oloo เคยคิดว่าภรรยาจะรำคาญกับพฤติกรรมดูดนิ้วของเขา แต่เปล่าเลยเธอมองว่ามันน่ารักซะอีก เขาเล่าว่า “มันเป็นนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็กๆ ครับ และจะเป็นหนักมากในช่วงทำข้อสอบ จนถูกเพื่อนๆ ล้อว่า ‘เด็กไม่รู้จักโต’ “
ตอนนี้เขาทำอาชีพเป็นพนักงานธนาคาร เขาจึงต้องเรียนรู้ที่จะไม่แสดงพฤติกรรมนั้นออกมาในระหว่างอยู่ที่ทำงาน ส่งผลให้เขาควบคุมตัวเองได้ดีเมื่ออยู่ในที่สาธารณะด้วย
แต่ทันทีที่กลับถึงบ้านและอยู่บนเตียงเขาจะเอานิ้วเข้าปากทันที Oloo ยอมรับเขารู้สึกอายเมื่อภรรยามาเห็นเขาทำแบบนั้น แม้ว่าเธอจะไม่สนใจหรือมองว่าเป็นพฤติกรรมที่น่ารักก็ตาม
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเป็นโรคดูดนิ้วไม่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะเป็นเพราะคนจำนวนมากคิดว่าการดูดนิ้วเป็นพฤติกรรมี่เกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กส์ แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคนี้จะรู้ดีกว่าพวกเขาทำเพื่อกำจัดความวิตกกังวลหรือเพื่อความสบายใจเท่านั้น
อย่างไรก็ตามคุณหมอ Christopher Ho บอกว่า “จะดีมากถ้าเด็กเลิกดูดนิ้วได้ในวัย 4 ขวบ เพราะหลังจากนั้นฟันแท้จะขึ้น ถ้ายังดูดต่อไปเรื่อยๆ อาจมีปัญหากับพัฒนาการของกรามล่างและทำให้ขากรรไกรแคบ”
“ส่วนผู้ใหญ่ที่เป็นโรคดูดนิ้ว จะทำให้ขากรรไกรแคบชิดกัน และที่สำคัญจะทำให้เคี้ยวอาหารได้ลำบาก”
การดูดนิ้วอาจจะทำให้เกิดความสบายใจตามที่ผู้มีประสบการณ์บอก แต่นอกจากถูกสังคมมองด้วยสายตาแปลกๆ แล้ว ยังต้องต้องเสี่ยงกับโรคที่จะตามมาด้วย เพราะฉะนั้นหากใครมีพฤติกรรมดังกล่าวนี้อยู่ลองหาทางออกอื่นดูนะคะ
ที่มา odditycentral
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.