Geamana หมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยอุดมสมบูรณ์ กลับต้องจมใต้น้ำ จากภัยคุกคามของโรงงานเหมืองแร่!!

ทุกอย่างในโลกนี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา บางเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่บางสิ่งค่อยๆ เปลี่ยนโดยที่เราไม่ทันสังเกต

อย่าง Geamana หมู่บ้านเล็กๆ ในประเทศโรมาเนีย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหมู่บ้านที่อุดมสมบูรณ์และเงียบสงบ แต่มาวันนี้ทั้งหมู่บ้านกลับจมอยู่ใต้น้ำเสียลึกกว่า 90 เมตรจากโรงงานอุตสาหกรรม เหลือเพียงยอดโบสถ์ที่ยังคงเหลือไว้ให้ดูต่างหน้า…

และนี่คือเรื่องเล่าจากช่างภาพ Ciprian Hord ที่ได้ไปสัมผัสหมู่บ้านแห่งนี้ โดยพบว่ายังมีชาวบ้านบางคนที่ยังไม่ยอมอพยพออกจากหมู่บ้านแห่งนี้

 

 

ย้อนกลับไปในปี 1978 หมู่บ้านแห่งนี้ก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อทุกคนต้องอพยพ ทิ้งอาคารบ้านเรือนรวมไปถึงวิถีชีวิตอันแสนสงบสุข

ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกทางให้กับน้ำเสียจากเหมืองทองแดง Roșia Poieni ที่เอ่อไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่บ้าน จนกระทั่งกลายเป็นทะเลสาบที่เต็มไปด้วยไซยาไนด์

 

ภาพของหมู่บ้าน Geamana ในอดีต

 

ในการอพยพครั้งนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ถูกบีบบังคับให้ออกจากพื้นที่ โดยได้รับเงินชดเชยประมาณ 60,000 บาท ทำให้ชาวบ้านกว่า 300 ครอบครัวกระจัดกระจายอยู่ทั่วโรมาเนีย

ต่อมา การทำงานของเหมือง Rosia Poieni ก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง จนกลายเป็นเหมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของยุโรป ซึ่งมีคนงานประมาณ 500 คน

 

บริเวณทะสาบหลากสี คือบริเวณที่ตั้งของหมู่บ้านในอดีต

 

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาจึงได้สร้างเขื่อนเพื่อปิดทางเข้าหมู่บ้าน ทำให้ของเหลวสีเทาจากการทำเหมืองไหลเข้าสู่หมู่บ้าน เป็นการปิดฉากหมู่บ้านแห่งนี้โดยสมบูรณ์

สารดังกล่าวที่ไหลเข้าสู่หมู่บ้านนั้นเป็นผลมาจาก “กระบวนการแร่ลอย” ซึ่งปัจจุบันเป็นกระบวนการที่ถูกใช้ในเหมือนทองแดงส่วนใหญ่

 

 

ของเสียถูกทิ้งลงในหมู่บ้าน Geamana ในขณะที่ระดับน้ำทะเลก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้หมู่บ้านถูกน้ำท่วมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 1 เมตร โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใดเลย…

 

.

 

นอกจากนี้ยังมีสารละลายจากเหมืองบางส่วนไหลปะปนอยู่กับน้ำในทะเลสาบด้วย และที่เห็นเป็นน้ำสีส้มนั้นเป็นผลมาจากน้ำฝนที่ไหลปะปนกับสารเคมีจากเหมืองแร่

 

.

 

แม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นไปตามธรรมชาติ แต่การทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบที่ร้ายแรงกว่าที่มันควรจะเป็น

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ยืนยันไม่ย้ายออกจากหมู่บ้าน

 

มีชาวบ้านประมาณ 20 คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ และจะย้ายไปอยู่ในที่สูงขึ้นเมื่อระดับน้ำในทะเลสาบมีการเพิ่มสูงขึ้น

Maria Prata วัย 70 ปี บอกว่าเธอใช้ชีวิตวัยที่เด็กในหมู่บ้าน Geamana นอนในคอกวัว โดยเธอจะนอนอีกด้านของคอก ส่วนวัวก็จะนอนอีกด้านของคอกเช่นกัน

 

 

ภาพของ Maria กับสามีก่อนที่อุตสาหกรรมเหมืองแร่จะเข้ามา

 

เธอยังบอกอีกว่าค่อนข้างตกใจเมื่ออุตสาหกรรมดังกล่าวเข้ามา พวกเขาทำในสิ่งที่ต้องการและได้ทำลายหมู่บ้านทั้งหมด มันอาจจะทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งได้ทำงานในเหมืองแร่ แต่ชาวบ้านที่เหลือกับถูกข่มขู่ให้ย้ายให้ออกไป

นายทุนเคยให้สัญญาว่าจะย้ายหลุมศพของบรรพบุรุษออกไปให้ด้วย แต่พอถึงเวลาจริงๆ พวกเขากลับไม่รักษาสัญญา สร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีทางเลือก นอกจากจำใจย้ายออกไป

 

 

สุสานของหมู่บ้านหมู่บ้านที่เพิ่งจะถูกน้ำท่วมไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่หลุมฝังศพหลายหลุมจมอยู่ใต้น้ำแล้ว และยากที่จะขุดขึ้นมาได้

 

 

Ana Prata ตั้งใจจะฝังตัวเองอยู่ข้างหลุมศพสามีที่เสียชีวิตเมื่อปี 2012 แม้ว่ามันจะตั้งอยู่บนเนินเขาสูงเหนือน้ำทะเล แต่ถึงอย่างนั้นหลุมศพของญาติพี่น้องทั้งหมดของเธอก็ต้องฝังอยู่ใต้สารละลายจากเหมืองอยู่ดี

 

 

Nicolae Turdean ผู้จัดการของเหมือง Rosia Poieni กำลังให้สัมภาษณ์สื่อ โดยอ้างว่าเขาไม่รู้ว่ามีหลุมฝังศพที่จมอยู่ใต้น้ำ และบอกว่าเขาจะย้ายโบสถ์ที่อยู่ใกล้หลุมศพเหล่านี้ให้

 

 

Turdean ยังบอกอีกว่า “ชาวบ้านบางส่วนยังคงอาศัยอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่รับเงินค่าชดเชยไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราต้องใช้ความอดทนสูงมากต่อสถานการณ์แบบนี้ ตราบเท่าที่พวกเขาไม่มีผลกระทบกับงานของเราครับ”

 

 

แต่ในขณะที่ข้อมูลของเหมืองดังกล่าวถูกเผยแพร่มากขึ้น พวกเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงด้วยการไม่ให้สื่อต่างๆ เข้ามาถ่ายรูป และไม่เปิดเผยข้อมูลในบางส่วน

 

 

ส่วน Cornel Holhorea อดีตผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้าน บอกว่า “จริงๆ นายทุนพยายามที่จะรื้อถอนยอดโบสถ์แห่งนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ก็ต้องยกเลิกไปเพราะเสียงคัดค้านจากชาวบ้าน แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อน้ำทะเลสาบเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ อีกไม่นานทั้งหมู่บ้านก็คงจะหายไปเช่นกันครับ”

 

 

หมู่บ้านที่เคยอุดมสมบูรณ์ วันนี้กลับจมอยู่ใต้น้ำเกือบทั้งหมด…

ที่มา boredpanda

Comments

Leave a Reply