จะเป็นยังไงถ้าคุณรู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ดีๆ หมอก็มาบอกว่าคุณจะอยู่ไปได้อีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น!!?
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 เด็กสาววัย 17 ปี Maddy Richie จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยที่ 4 ซึ่งถือว่ารุนแรงมาก
ครอบครัวของเธอต่างก็เป็นกังวล เตรียมทำใจกับการสูญเสีย ขณะที่คุณหมอเองก็บอกว่าเธอจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอก็ผ่านพ้นมันมาได้ ตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน หรือตอนนี้เธอก็อายุปาไป 19 ปีเข้าไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากจะแชร์เรื่องราวของเธอให้คนอื่นได้รู้ว่า แม้โอกาสจะมีน้อย แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้และคว้ามันไว้ ทุกอย่างมันก็เป็นไปได้
เธอเริ่มเล่าเรื่องราวของเธอในจุดเริ่มต้นว่า “หลังจากฉันจบจากไฮสคูลได้ไม่นาน ฉันก็เริ่มที่จะมองไปในอนาคตที่สดใสที่กำลังทอดยาวรอฉันอยู่
แต่ว่าอยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกหายใจลำบากมากติดๆ ขัดๆ ไม่มีแรงที่จะทำอะไรเลย แค่จะเดินขึ้นบันไดยังทำไม่ได้ จนฉันได้ไปตรวจร่างกายกับหมอและสแกนร่างกายดู
ซึ่งในวันเดียวกันหลังจากฉันได้รับการวินิจฉัยและรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและมีก้อนมะเร็งขนาดใหญ่กว่า 8 เซนติเมตรอยู่
หมอก็บอกฉันทันทีว่าเธออยู่ต่อได้อีก 3 เดือนเท่านั้น และก็มีโอกาสเพียงแค่ 4% ที่จะรอดผ่าน 3 เดือนดังกล่าวไปได้ ขณะเดียวกันฉัยก็ต้องเข้ารับการรักษามากมาย”
จากนั้นเธอก็บอกว่า ทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาเธอรู้สึกกลัวมากๆ กลัวว่าตัวเองจะไม่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ นั้นเลยทำให้เธอหันมาทำสมาธิเพื่อลดความตึงเครียดจากสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ แต่ว่าจากการวินัจฉัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 สัปดาห์ เธอก็พบว่าก้อนมะเร็งมันมีขนาดที่ลดลง
ด้านหมอที่ดูแลเคสของเธอก็บอกว่า เขาไม่เคยเจอกรณีอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ผลของการรักษามันเกิดขึ้นไวมากๆ ก้อนมะเร็งเล็กลงกว่าครึ่งหนึ่งที่เป็นอ
ยู่ Maddy ได้บอกว่าจากไหล่ที่เคยหนักเหมือนมีก้อนหินทับตลอด ตอนนี้มันกลับรู้สึกว่าก้อนหินพวกนั้นมันหายไปแล้ว
จากนั้น Maddy ก็ยังคงเข้ารับการรักษาต่ออีก 13 เดือน ซึ่งผลของการเข้ารับการรักษาทำให้เธอน้ำหนักลดลงไปถึง 10 กิโลกรัม เธอบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่แย่มากๆ มันทั้งเจ็บปวดและทรมานมันเป็นอะไรที่มนุษย์ไม่ควรเจออะไรแบบนี้เลย
เธอยังเล่าอีกว่าระหว่างที่ทำการรักษาทำคีโมและอื่นๆ เธอรู้สึกว่าอยากจะตายมากกว่าการอยู่เสียอีก เธอบอกว่าเธอรู้สึกแบบนั้นมากกว่า 10 ครั้งเลยทีเดียว แถมตัวเธอก็จะต้องผูกติดอยู่กับโรงพยาบาลตลอดเวลา ใช้ชีวิตเหมือนซอมบี้อย่างไงอย่างนั้น
แต่หลังจากความพยายามอดทนเพื่อให้ทุกอย่างมันผ่านไปได้ดี การรักษาก็จบลงเธอก็พบว่าร่างกายเธอกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง แม้จะอ่อนแรงบ้างในช่วงแรกแต่มะเร็งก็หายไป ซึ่งเธอบอกว่ามันมาจากจิตใจที่เข็มแข็งของเธอที่ไม่ยอมแพ้ต่อความทรมานความเจ็วปวดต่างๆ เธอจึงผ่านจุดนั้นมาได้
และแม้ว่าตอนนี้เธอจะหัวโล้น เธอก็บอกว่าเธอโอเคกับมัน และด้วยผลจากการรักษามันทำให้เธอไม่สามารถจะมีลูกตามธรรมชาติได้อีกแล้ว แต่เธอก็ยังโอเคไม่มีปัญหากับปัญหานั้นแม้เธอจะอยากมีลูกก็ตาม
เธอก็บอกชีวิตมันมีไม่มาก ไม่มีเวลามาจมอยู่กับความเศร้าหรืออะไรพวกนี้อีกแล้ว…
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอได้รับการวินัจฉัยและบอกเธอจะอยู่ได้เพียง 3 เดือน ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปว่า 2 ปีแล้ว เธอกลับมามีผมอีกครั้ง กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง
สุดท้ายแล้ว Maddy บอกปิดท้ายว่า “ฉันไม่คิดจะกลับไปเป็นมะเร็งหรอกนะ แต่ว่าถ้าไม่มีมะเร็งฉันก็ไม่เป็นคนที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะเมื่อเราเจอกับปัญหาที่แย่ที่สุดในชีวิต คุณจะค้นพบทางออกที่ดีเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และทางออกนั่นแหละจะเปลี่ยนแปลงตัวจนของคุณ คุณสามารถเลือกที่จะคิดลบก็ได้นะ
แต่ฉันเลือกที่จะคิดบวก ซึ่งมันทำให้ฉันค้นพบเป้าหมายและความหวังแม้ในตอนนั้นเราจะรู้สึกว่ามันไม่มีทั้งแสงแห่งความหวัง หรือความสิ้นหวังอันมืดมิดเลยก็ตาม แต่เราก็จะพบเป้าหมายในชีวิตในท้ายที่สุดนั่นเอง นี่แหละมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันได้รับโอกาสที่จะใช้ชีวิตครั้งที่สองพร้อมกับตื่นขึ้นเพื่อออกไปเจอกับมัน…”
.
แม้ปัญหาจะร้ายแรงแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้กับมัน
เราก็จะพบทางออกเสมอนะ
ที่มา unilad
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.