สื่อต่างชาติเปิดโปง การขาย “เนื้อหมา” บนเกาะบาหลี ที่มาในรูปแบบของ “ไก่สะเต๊ะ”!?

เชื่อว่าเกาะบาหลีเป็นอีกหนึ่งในจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่ว่าจะด้วยวัฒนธรรมพื้นเมืองที่น่าหลงใหล หรือจะเป็นบรรยากาศแบบชาวเกาะที่ไม่เหมือนใคร

ทว่าล่าสุดทางกลุ่ม Animals Australia ได้เข้าไปลงพื้นที่สืบสาวหาข้อมูลเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่า บนเกาะบาหลียังมีการซื้อ-ขาย ‘เนื้อหมา’ เกิดขึ้นอยู่ แต่มาในฐานะสะเต๊ะไก่ซะอย่างนั้น!?

**คำเตือน: อาจมีภาพที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจ**

 

Lyn White หนึ่งในทีมงานเล่าว่า “ตอนที่เราเริ่มต้นลงพื้นที่ เราแทบจะคิดไม่ออกเลยว่าเนื้อหมาก็ถูกเอามาขายให้นักท่องเที่ยว โดยเปลี่ยนชื่อเป็นสะเต๊ะไก่”

 

ทางทีมงานได้เข้าไปสำรวจบริเวณ Double Six Beach ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่รวมตัวของนักท่องเที่ยวบนเกาะ และพวกเขาก็ได้พบกับความจริงที่ว่า

เนื้อสะเต๊ะไก่ที่นำมาเร่ขายเพียงไม้ละ 1 เหรียญบนเกาะนั้น ส่วนใหญ่แล้วล้วนทำมาจากเนื้อหมาแทบทั้งสิ้น

“เรามักจะเห็นพ่อค้าหาบเร่เดินขายอาหาร และสะเต๊ะไก่ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อพวกเราลองสอบถามพ่อค้าจริงๆ พวกเขาก็ยอมรับว่าอันที่จริงมันเป็นเนื้อหมา” ทีมงานคนหนึ่งเล่า

 

 

Luke หนึ่งในผู้สื่อข่าวจาก ABC ได้เข้าไปศึกษาและสำรวจถึงวัฒนธรรมการกินเนื้อสุนัขบนเกาะบาหลีมานานกว่า 4 เดือน เขาได้เห็นภาพความทารุณโหดร้ายที่มนุษย์มีต่อสุนัขมาแล้วนักต่อนัก

 

 

“ผมเคยเห็นพวกเขาฆาตกรรมสุนัขได้อย่างโหดร้ายมาก บางตัวก็ถูกบังคับให้กินยาพิษ บางตัวก็ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เพียงเพื่อต้องการนำเนื้อมันไปขาย แต่สิ่งที่โหดร้ายไปกว่านั้นก็คือ… ดูเหมือนมันจะได้รับความนิยมสูงจากนักท่องเที่ยวซะด้วย” Luke เล่า

 

หนึ่งในฟุตเทจที่ผู้สื่อข่าวแอบถ่ายมาได้

 

สำหรับชาวบาหลีแล้วบางคนเชื่อว่า เนื้อหมาช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศได้ และมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย

 

Lyn White ให้สัมภาษณ์ถึงวัฒนธรรมนี้ว่า “จากการศึกษาดิฉันพบว่าเดิมทีชนพื้นเมืองบาหลีจริงๆ ไม่เคยมีวัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นมาก่อน พวกเขาอาศัยอยู่กับสุนัขในฐานะสัตว์เลี้ยง

ทว่าการกินสุนัขนี้น่าจะเกิดจากจำนวนประชากรชนกลุ่มน้อย ที่อพยพมาหางานทำในบนเกาะบาหลีมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามเราก็มีความหวังที่จะทำให้พวกสุนัขสามารถอยู่กับคนได้อย่างสงบสุขอีกครั้ง”

 

 

พวกเขาหวังว่าเรื่องราวครั้งนี้ จะนำไปสู่กระแสหรือมาตรการบางอย่าง เพื่อทำให้ผู้คนหันมาสนใจธุรกิจมืดนี้และมีใครสักฝ่ายลงมาจัดการเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง…

ที่มา: Dailymail

Comments

Leave a Reply