เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในบ้านเราอีกครั้ง เมื่อทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่ามีการพบศพของหญิงสาวผู้หนึ่งบนเกาะเต่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งในประเทศไทย
นาง Elise Dallemange ถูกพบศพเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมาในป่าแห่งหนึ่งบนเกาะ อวัยวะบางส่วนของศพถูกสัตว์ป่ากินเหลือเพียงครึ่งตัวเท่านั้น
ตามรายงานข่าวระบุว่าเธอคือผู้เสียชีวิตรายที่ 7 ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยทางตำรวจออกมายืนยันว่าหญิงคนดังกล่าวเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย
แต่อย่างไรก็ตามแม่ของเธอคุณ Michele กลับไม่เชื่อตามข้อสันนิษฐานของตำรวจ เธอบอกว่า “ฉันไม่เชื่อตามที่ตำรวจบอกเรา ฉันคิดว่าคำอธิบายของพวกเขานั้นไม่ถูกต้อง และฉันเกรงว่าจะต้องมีคนอื่นเกี่ยวข้องกับการตายของลูกสาวฉัน”
นอจากนี้แม่ของคุณหญิงสาวผู้เสียชีวิตวัย 30 ปี ยังบอกอีกว่าการตายของลูกเธออาจไม่ได้ความสนใจหากไม่มีการเรียกร้องจากเธอ และตอนนี้เธอยังไม่ได้รับผลการชันสูตรของลูกสาวแต่อย่างใดด้วย
ก่อนหน้านี้นาง Elise เคยเข้าร่วมลัทธิ Sathya Sai Baba และอาศัยร่วมกับผู้หนึ่งที่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ ที่เกาะพพงัน หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 17 เมษานที่ผ่านมาเธอได้เตรียมเดินทางกลับบ้านเกิดที่ประเทศเบลเยี่ยม
จากบันทึกการโทรของผู้ตายแสดงให้เห็นว่าเธอได้ติดต่อกับแม่ของเธอผ่านสไกป์เมื่อวันที่ 17 เมษายน ก่อนที่จะออกจากเกาะพะงันเมื่อวันที่ 19 เมษายน
แต่ไม่มีใครทราบว่าทำไมหญิงสาวถึงเดินทางไปที่เกาะเต่า!?
แม่ของผู้ตายบอกว่าเธอใช้ชื่อปลอมเพื่อเข้าพักในบังกะโลแห่งหนึ่งใกล้กับท่าเรือแม่หาด ในเกาะเต่า ก่อนที่ตามแผนการเดินทางนั้น เธอจะเดินทางผ่านเรือโดยสารไปที่จังหวัดชุมพร และเดินทางเข้ากรุงเทพ
แต่จู่ๆ บ้านพักที่เธออยู่ก็กลับเกิดไฟใหม่อย่างไม่ทราบสาเหตุ หญิงสาวจึงได้ย้ายไปอยู่ที่พักอีกแห่งใกล้กับหาดตะโหนด และได้จองตั๋วสำหรับเดินทางกลับกรุงเทพในวันที่ 24 เมษายน
และแล้วหลังจากนั้นอีก 8 วันชาวบ้านก็พบศพของเธอเข้าในสภาพขาดครึ่งท่อนในพื้นที่ป่าใกล้ๆ นั้น ทางตำรวจบอกกับคุณ Michele แม่ของผู้ตายว่าลูกสาวของเธอนั้นฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอก่อนหน้าที่จะพบศพ 3 วัน
แต่อย่างไรก็ตามกลับไม่พบร่องรอยของจดหมายลาตายหรือข้อความบอกลาของหญิงสาวผู้ตายเลย และตอนนี้สาเหตุการตายที่แท้จริงของ Elise นั้นยงคงเป็นปริศนา
ล่าสุดในวันที่ 29 มิถุนายนมีสื่อต่างชาติหลายแห่งโดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ นำประเด็นดังกล่าวมาทำข่าว และได้รับการแชร์รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลาม….
เราต้องคอยติดตามว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นอย่างไรต่อ หรือจบลงแบบเงียบๆ เช่นเดิม
ที่มา metro
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.