เรื่องราวน่าสนใจของรถ “Bugatti” รุ่นหายากที่ถูกพบอยู่ใต้ก้นทะเลสาบในสวิตเซอร์แลนด์

ถ้าให้พูดถึงยี่ห้อรถหรูนั้น ปกติแล้วบ้านเราอาจจะนึกถึงรถอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ เช่น Mercedes-Benz , BMW , Ferrari หรือ Lamborghini เป็นต้น แต่สำหรับรถหรูสายพันธุ์ฝรั่งเศสอย่าง Bugatti นั้นอาจจะไม่แพร่หลายในบ้านเราสักเท่าไหร่

ซึ่งเจ้ารถยี่ห้อ Bugatti นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเพชรน้ำงามของรถยุโรปไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆ เลยล่ะ นั่นก็เลยเป็นสาเหตุทำให้ในครั้งนี้ #เหมียวมุ่ทู่ เลยขอหยิบเรื่องเล่าเกี่ยวกับรถหายากจากแบรด์ดังกล่าวมาให้อ่านกัน…

 

 

เรื่องในครั้งนี้เป็นเรื่องของ Bugatti Type 22 Brescia Roadster รุ่นสั่งทำพิเศษปี 1925 ที่ถูกค้นพบใต้ทะเลสาบแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลี ซึ่งมันถูกกู้ซากขึ้นมาเมื่อปี 2009 และคาดว่าจมอยู่บริเวณนั้นมาตั้งแต่ปี 1935 แล้ว

เดิมทีเจ้ารถคันนี้ถูกสร้างที่เมือง Brescia ประเทศอิตาลีและได้รับการลงทะเบียนรถอย่างถูกต้องที่ประเทศฝรั่งเศส โดยป้ายทะเบียนของรถได้เขียนไว้ว่า “George Nielly, 48 Rue Nollet, Paris” ทำให้คาดว่า George Nielly คงจะเป็นชื่อของเจ้าของในตอนนั้น

 

 

เมื่อมาถึงจุดหนึ่งตัวรถก็ต้องถูกเปลี่ยนมือไปสู่เจ้าของใหม่ จากรายงานได้บอกว่าผู้รับช่วงต่อนั้นก็คือ René Dreyfus ผู้เป็นนักแข่งระดับตำนาน แต่แล้วตัวรถก็อยู่ในมือของเขาได้ไม่นาน เพราะในปี 1934 ตัวรถก็ต้องตกไปอยู่กับ Adalbert Bodé เศรษฐีเพลย์บอยชาวสวิสด้วยเหตุผลที่ว่า René แพ้พนัน

แต่เรื่องราวการเปลี่ยนมือไม่ได้ถูกเล่าขานมาแค่เรื่องเดียว ยังมีอีกรายงานหนึ่งบอกว่า จริงๆ แล้วตัวรถนั้นได้ตกไปอยู่กับสถาปนิกชื่อดังชาวสวิส “MaxSchmuklerski จนเวลาต่อมารถได้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่นซึ่งไม่ทราบชื่อได้เพราะ Max เลี่ยงที่จะจ่ายภาษีนำเข้ารถคันดังกล่าว จนสุดท้ายรถก็ไปจมอยู่ใต้ทะเลสาบ

 

 

ยังไงซะ ไม่ว่ารถจะเคยเป็นของใคร จะเคยเปลี่ยนมือยังไง สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือตัวรถก็จมอยู่ใต้น้ำอยู่ดี ซึ่งต่อมา Ugo Pillon นักประดาน้ำก็ได้ค้นพบเจ้ารถคันนี้เมื่อปี 1967 จนทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดยอดฮิตของนักประดาน้ำไปในทันที

 

 

ตัวรถนั้นยังคงจมอยู่ใต้น้ำนับตั้งแต่ถูกค้นพบจนกระทั่งเข้าสู่ปี 2008 เมื่อ Damiano Tamagni ได้ถูกกลุ่มอันธพาลสามคนทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งพ่อของเขาที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์ดำน้ำท่องถิ่นใกล้ๆ กับจุดดำน้ำดูรถหรูดังกล่าวก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

เขาจึงได้ก็ได้ปรึกษากับสมาชิกนักดำน้ำและเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขาจะดึงรถในตำนานขึ้นมาจากน้ำและขายมันซะ เพื่อที่พวกเขาจะได้รวบรวมเงินทั้งหมดมาจัดตั้งมูลนิธิในชื่อของ Damiano ซึ่งก็ได้ตั้งชื่อมูลนิธิว่า Fondazione Damiano Tamagi และมีเป้าหมายในการลดปัญหาความรุนแรงในเด็กและเยาวชน

 

 

พวกเขาได้ตัดสินใจขายมันให้กับ Peter Mullin จาก Mullin Automotive Museum ที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2009 จากนั้นในปี 2010 ตัวรถได้ถูกตีราคาจริงๆ ออกมาและมีมูลค่าสูงถึงราวๆ 12 ล้านบาทเลยทีเดียว

แม้ว่ามันจะตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ แต่ตัวเจ้าของอย่าง Peter ก็ไม่ได้นำรถหรูคันดังกล่าวมาแสดงโชว์รวมกับรถอื่นๆ แต่อย่างใด เพราะด้วยความที่มันเป็นเศษซากของรถและมีคุณค่าทางจิตใจต่อเขาเท่านั้น เขาจึงนำมันไปแสดงในห้องจัดแสดงส่วนตัวนั่นเอง

 

 

จากเรื่องราวของรถหรูที่หายไปสู่เรื่องราวของการเปลี่ยนมือและจบลงอยู่ใต้ทะเลสาบ ใครจะคิดว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือคน ตามมาด้วยการเป็นรถที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อชายคนหนึ่งไปซะได้ สุดยอดจริงๆ เจ้า Bugati คันนี้

 

ที่มา boredomtherapy

Comments

Leave a Reply