วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า รัฐเนวาดา ได้กลายเป็นรัฐที่ 5 ของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อนุญาตให้จำหน่ายกัญชาได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายในเมืองคนบาป (ลาสเวกัส) แล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการนำมาใช้เพื่อความเพลิดเพลินส่วนบุคคล
จากการรายงายระบุว่า หลังจากที่มีการเปิดเสรีกัญชาเป็นครั้งแรกในเที่ยงของวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็มีประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวได้พากันมาต่อคิวซื้อกัญชากันอย่างล้นหลาม
ในแต่ละปีลาสเวกัส ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองในรัฐเนวาดา ที่ผู้คนเดินนับล้านได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดขายกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว คาดว่าเมืองแห่งนี้อาจจะได้รับรายได้อย่างมหาศาลมากถึง 60 ล้านเหรียญภายในช่วงสองปีแรก
สำหรับลาสเวกัส ซึ่งเป็นเมืองที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 42 ล้านคนต่อปี จะได้กลายเป็นเมืองสำหรับกัญชา ที่พร้อมจะแซงหน้าเมืองหลวงของกัญชาโลกอย่างกรุงอัมสเตอร์ดัม ในประเทศฮอลแลนด์
กัญชาที่ทางร้านเตรียมนำออกจำหน่าย
ภาพของผู้คนกว่า 500 รายที่ยืนรอคิวยาวเป็นกิโลอยู่นอกร้านขายยา Euphoria Wellness ใน Enterprise ที่ชานเมืองลาสเวกัส และเมื่อประตูเปิดออกก็มีเสียงเฮจากผู้คนมากมายที่รอซื้ออยู่ด้านนอก
ประชาชน หรือนักท่องเที่ยวที่สามารถซื้อกัญชาได้ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป โดยสามารถเข้าไปซื้อได้ที่ร้านขายกัญชา ที่ได้รับใบอนุญาตให้ขายเท่านั้น และแม้ว่าจะมีการอนุญาตให้เปิดขายกัญชาได้อย่างเสรี แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีการตั้งกฎเอาไว้ว่าห้ามสูบในที่สาธารณะ
Zachary Miyasato แพทย์วัย 38 ปี และ Denise ภรรยาของเขา ที่รอคอยเวลากว่าสามชั่วโมงในการซื้อกัญชาได้ออกมายอมรับว่า เขาได้สั่งซื้อกัญชาจากแผนกเภสัชกรรมเมื่อเวลา 09.00 น. และสั่งซื้ออีกครั้งในเวลา 12.30 น.
“ฉันชอบที่จะสูบกัญชา เพราะมันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นี่เป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นที่เมืองนี้ และมันก็ทำให้เมืองได้รับรายได้อย่างมหาศาล” Zachary กล่าว
ผู้คนจำนวนมากที่มาต่อแถวซื้อกัญชา รู้สึกตื่นเต้นกันเป็นพิเศษ
ทางด้าน Dennis Ford ชายวัยเกษียณอายุ 62 ปี ที่สูบบุหรี่มากว่า 40 ปี ก็ได้ออกมาเผยว่า “ผมไม่ต้องขับรถไปซื้อกัญชาที่โคโลราโดอีกต่อไป ผมสูบบุหรี่มาประมาณ 40 ปีแล้ว เพราะผมรู้สึกสนุกกับมัน”
.
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า กัญชาได้รับความนิยมมากจนทำให้ของไม่พอขาย เพราะร้านค้าต่างก็พากันแย่งซื้อกัญชามาเก็บเอาไว้ เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะพากันแห่มาซื้อในช่วงนี้นั่นเอง
ที่มา : dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.