ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Blair ‘Paddy’ Mayne อดีตนักกีฬารักบี้ทีมชาติอังกฤษ ที่ผันตัวมาเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกลายเป็นฮีโร่ผู้รับหน้าที่ทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาแล้วมากมาย
Paddy เป็นชายที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีร่างกายที่แข็งแรง ตัวสูง หน้าตาหล่อเหลา เล่นกีฬาเก่ง ทั้งกอล์ฟ คริกเกต และการยิงปืนไรเฟิล
นอกจากนี้ก็ยังมีความเฉลียวฉลาดแบบสุดๆ เพราะเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านกฎหมายและเตรียมตัวที่จะเป็นทนายความแล้ว
แต่เนื่องจากว่าสกิลในการเล่นรักบี้ของพี่แกนั้นช่างโดดเด่นซะเหลือเกินจนได้เข้าไปเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเมื่อปี 1938 แต่ข้อเสียของพี่ Paddy นั้นมีเพียงข้อเดียวคือเป็นคนที่ติดเหล้าอย่างหนัก แถมเวลาเมาแล้วก็ชอบระรานคนอื่นไปทั่ว
มีครั้งหนึ่งที่นาย Harry McKibbin เพื่อนร่วมทีมเล่าว่าหลังจากจบการแข่งขันที่แอฟริกาใต้ พี่แกก็ออกไปเที่ยวจนดึกดื่นพอกลับมาที่โรงแรมก็พังห้องซะเละเลย นอกจากนี้ก็ยังไปต่อยตีกับเพื่อนร่วมทีมอยู่หลายครั้งหลังจากที่ดื่มจนหนัก
จนมาถึงปี 1939 Paddy ก็ได้ถูกเชิญชวนให้ไปเข้ากองทัพกับหน่วยปืนใหญ่ Royal Artillery ก่อนที่ความสามารถในการยิงปืนและการรบของเขา จะไปเตะตาท่านนายพัน David Stirling ผู้ก่อตั้งหน่วย SAS (Special Air Service)
SAS เป็นหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ (เช่นเดียวกับหน่วย Delta Force และ Navy Seal ของสหรัฐอเมริกา) ที่มักจะถูกมอบหมายให้ทำภารกิจสุดหินเสี่ยงตายอยู่เสมอ
Paddy ได้เข้าร่วมหน่วย SAS และกลายเป็นสมาชิกชุดแรกของหน่วย เข้าทำภารกิจจู่โจมในสมรภูมิต่างๆ ทั้งฝรั่งเศส, ซีเรีย, เลบานอน, อียิปต์, และลิเบีย
มีครั้งหนึ่งที่สนามรบ Western Deserts of Egypt การบุกโจมตีของ Paddy ทำให้เขาสามารถกำจัดกองกำลังนาซีของนายพล Erwin Rommel จนนำไปสู่ชัยชนะของสงครามในที่สุด
จากการเข้าร่วมรบในสงครามต่างๆ ได้มีข้อมูลระบุเอาไว้ว่าเขาทำลายเครื่องบินของกองทัพนาซีไปมากกว่า 100 ลำ ด้วยฝีมือของตัวเอง
ก่อนที่จะปลดประจำการไปในปี 1945 จากผลงานการรบของเขาทำให้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Distinguished Service Order ขั้นที่ 3 จากสมเด็จพระเจ้า George ที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร โดยมีทหารอังกฤษเพียง 7 คนที่เคยได้รับ
แถมยังเคยได้รับรางวัลเครื่องอิสริยาภรณ์ Legion d’honneur และเหรียญกล้าหาญ Croix de Guerre จากรัฐบาลของฝรั่งเศสอีกด้วย
ส่วนสาเหตุที่ถูกปลดประจำการนั้นก็ไม่มีใครทราบได้ บ้างก็บอกว่าถูกสั่งให้ปลดประจำการเพราะความอารมณ์ร้อนของตัวเองที่ไปต่อยหน้าของผู้บังคับบัญชาเข้าให้ บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะเขาทำภารกิจล้มเหลวจึงขอลาออกเพื่อรับผิดชอบ
แต่หลังจากที่สงครามจบลง Paddy ก็ไม่ได้กลับไปเล่นรักบี้เหมือนเดิม เพราะมีอาการเจ็บปวดที่หลังจากการได้รับบาดเจ็บในสงคราม หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้เห็นเขาอีกเลยนอกจากเพื่อนคนสนิทเท่านั้น
มีการเล่าปากต่อปากว่าเขากลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านในเมือง Newtownards และชอบไปมีเรื่องกับคนที่บาร์อยู่บ่อยๆ ซึ่งเขาก็มักจะชนะอยู่ตลอด
นอกจากนี้ยังมีคำบอกเล่าอีกว่า Paddy เสียชีวิตในวัย 40 ปี เมื่อปี 1955 เพราะถูกรถในฟาร์มชน แต่แทนที่จะไปหาหมอ กลับเดินโซซัดโซเซเข้าไปในบ้าน และดื่มต่อ จนทำให้เสียชีวิตไปในที่สุด
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.