แม่อยู่ในภาวะสมองตาย ต้องดิ้นรนต่อชีวิตไปอีก 123 วัน เพื่อให้กำเนิดลูกแฝดอย่างปลอดภัย

ขึ้นชื่อของความเป็นแม่แล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้ลูกไม่ได้ แม้ว่าตัวเองต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ขอให้ลูกได้มีความสุข… เหมือนกับคุณแม่ที่อยู่ในภาวะสมองตายท่านนี้ ที่พยายามยื้อชีวิตเพื่อให้คลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย

นี่เป็นเรื่องราวของ Frankielen da Silva Zampoli Padilha คุณแม่วัย 21 ปี ที่กำลังตั้งท้องลูกแฝด แต่กลับตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองในขณะที่ตั้งท้องได้ 9 สัปดาห์

 

 

จนกระทั่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่ Muriel Padilha สามีวัย 24 ออกไปทำงานนอกบ้านแล้ว Frankielen โทรหาให้เขากลับมาหาเป็นการด่วน

สามีเล่าว่า “เธอโทรมาบอกว่าปวดหัวมาก แล้วก็ปวดลามไปที่คอจนรู้สึกเหมือนกำลังจะตายแล้ว” หลังจากวางสายเขาจึงรีบกลับไปหาเธอที่บ้านทันที

เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็พบภรรยานอนสั่น ร้องไห้ เวียนหัว และอาเจียน เธออยู่ในอาการที่ทรมานมากๆ เขาจึงรีบขับรถไปส่งเธอที่โรงพยาบาล

 

 

และระหว่างทางไปนั้น Frankielen พูดกับสามีว่า “ฉันอยากให้คุณเตรียมใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะฉันอาจต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลและไม่ได้กลับบ้านแล้ว”

หลังจากพูดจบได้สักพัก ภรรยาก็เสียชีวิตลง นั่นจึงเป็นคำพูดสุดท้ายและช่วงเวลาสุดท้ายที่เขาได้อยู่กับเธอขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์บอกว่า Frankielen มีเลือดออกในสมอง หลอดเลือดดำระเบิดและกว่าจะถึงมือหมอก็พบว่ามีเลือดออกในสมองของเธออย่างรุนแรงแล้ว

 

 

หลังจากที่ทำการรักษานาน 3 วัน คุณหมอก็มาแจ้งว่าสมองของ Frankielen ตายแล้ว และได้บอกกับ Muriel ว่าอาจจะไม่มีหวังที่จะได้เห็นลูกแฝดด้วย

คุณหมอยังบอกอีกว่า ทารกในครรภ์อาจอยู่ได้อีก 3 วัน เพราะได้ทำการ CT สแกนให้แม่ไปหลายครั้งและฤทธิ์ยาก็ยังทำงานอยู่ จึงไดทำให้ทารกสามารถอยู่ได้อีกสักพัก

นั่นหมายความเมื่อหัวใจดวงน้อยๆ ของลูกแฝดหยุดเต้น คุณจึงจะสามารถนำร่างของภรรยาไปฝังได้พร้อมกับลูกๆ ในครรภ์

แต่พอถึงเวลาปรากฏว่าหัวใจของทารกไม่หยุดเต้นอย่างที่บอกไว้ในตอนแรก…

 

 

Dalton Rivabem หัวหน้าแผนกประสาทศัลยกรรมซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเคสนี้บอกว่า “เราได้ทำการอัลตราซาวด์กับตัวอ่อน แล้วได้ผลสรุปว่าพวกเขาต้องตายในครรภ์อย่างแน่นอน แต่แล้วเราก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าหัวใจของทั้งสองยังคงเต้นได้ตามปกติ”

นอกจากนี้ยังพบว่าอวัยวะของ Frankielen ยังคงทำงานเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่สมองตายแล้ว มันเหมือนกับว่าเธออยากมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัย

 

 

ด้วยเหตุนี้คุณหมอจึงต้องทำการยื้อชีวิตให้ผู้เป็นแม่จนกว่าทารกจะสามารถคลอดได้ และได้รับความร่วมมือจากแพทย์ชาวโปรตุเกสที่เคยทำเคสคล้ายกันนี้ ซึ่งเคยยื้อครรภ์ไว้ได้ 107 วัน

แพทย์บอกว่ามันเป็นเคสที่ท้าทายมาก เพราะแพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษและต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา

ในระหว่างนี้คุณหมอต้องให้ยาควบคุมความดันในอยู่ในภาวะปกติ ดูแลเรื่องออกซิเจน และรักษาความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย โดยใช้ยาปฏิชีวนะตลอดจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด

 

 

นอกจากนี้ต้องมีพยาบาลคอยติดตามผลการไหลเวียนของเลือดตลอด 24 ชั่วโมง วัดความดันโลหิตและหัวใจ พร้อมทั้งดูออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย โดยต้องทำการอัลตราซาวด์ฝาแฝดทุกวัน

ทั้งนี้คุณหมอ Rivabem ก็ออกมาเผยว่ารู้สึกกังวลเหมือนกัน เพราะต้องทำให้ร่างกายของคุณแม่คงสภาพเหมือนยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้ทารกเติบโตและมีพัฒนาการตามวัย

ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่น่าเป็นห่วงคือต้องหาวิธีที่จะให้ทารกสัมผัสถึงความรักที่คุณแม่มีมอบให้ แม้ว่าความเป็นจริงแล้วแม่จะไม่สามารถให้ได้ก็ตาม

 

 

ทางด้าน Muriel และครอบครัวก็จะมาเยี่ยมภรรยาและลูกแฝดทุกวัน เพราะมีผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 คน ที่คอยดูแลพวกเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว

ในกลุ่มนี้มีทั้งแพทย์พยาบาล นักโภชนาการ นักกายภาพบำบัด และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ พวกเขามักจะพูดคุยและร้องเพลงให้ฝาแฝดในครรภ์ฟังเป็นประจำ เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ผู้เป็นแม่ไม่อาจทำได้แล้ว

นอกจากนี้พวกเขายังตกแต่งรอบห้องให้ดูสวยงาม เพื่อเตรียมต้อนรับทั้งสองคนด้วยพร้อมทั้งให้กำลังใจผู้เป็นแม่ พวกเขาบอกว่าการได้ดูแลฝาแฝดทั้งสองคนทุกวัน ทำให้พวกเขามีความรักให้ทั้งคู่เหมือนลูกตัวเองเลย

 

 

และแล้วเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4 เดือนหรือ 123 วัน ฝาแฝดก็พร้อมเกิด แต่อย่างไรก็ตามผู้เป็นแม่ได้เสียชีวิตลงอย่างสมบูรณ์ขณะที่ผ่าตัดคลอดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม

แม้ Muriel จะเสียใจกับการจากไปของภรรยา แต่เขาก็ขอบคุณเธอที่ต่อสู้จนทำให้ลูกแฝดทั้งสองคนคือ Asaph และ Anna Vitoria คลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย ทั้งสองคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของเขา

หลังจากที่ผ่าคลอดเสร็จ ครอบครัวรวมทั้งทีมแพทย์ในโรงพยาบาล Nosso Senhora do Rocio ต่างก็หลั่งน้ำตาออกมา ด้วยความดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน

 

 

ทางด้าน Angela แม่ของ Frankielen บอกว่า “มันยากที่จะยอมรับว่าเธอจากไปแล้ว แต่ฉันภูมิใจในตัวเธอมากๆ เธอเป็นฮีโร่ที่ปกป้องลูกจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตจริงๆ”

แม้ว่าทั้งลูกทั้งสองคนจะไม่เคยเห็นหน้าแม่ แต่ผู้เป็นพ่อบอกว่าเมื่อทั้งคู่โตพอที่จะรับรู้ได้เขาจะบอกลูกๆ ทั้งสองว่า แม่เป็นนักสู้ที่รักพวกเขามาก และต่อสู้จนทำให้ทั้งคู่มีวันนี้…

ที่มา mirror

Comments

Leave a Reply