ก่อนเข้าสู่เนื้อหา แจ้งก่อนนะคะว่าเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากเกี่ยวกับความขัดแย้งทางศาสนา…
ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเปราะบางมากๆ และไม่ว่าศาสนาไหนก็สอนให้เป็นคนดีเสมอ แต่บางครั้งความไม่ลงรอยของศาสนาที่ต่างกันก็อาจกลายเป็นปัญหาที่บานปลายได้
อย่างกรณีนี้ ที่คุณพ่อที่เป็นชาวคริสต์ได้ลงมือฆ่าลูกสาวตัวเอง เนื่องจากเธอไปคบกับแฟนหนุ่มที่เป็นมุสลิม และมีแพลนที่จะแต่งงานกับเขา
Sami Karra วัย 58 ปี ถูกจับกุมหลังพบว่าลูกสาวของเขา Henriette Karra วัย 17 ปี เสียชีวิตในบ้านที่ Ramle ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน
การการชันสูตรศพพบว่า Henriette ถูกแทงซ้ำที่คอหลายจุด เนื่องจากเธอได้วางแผนว่าจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามหลังแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่กำลังติดคุก
แต่เรื่องนี้ทางครอบครัวไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อที่สั่งห้ามให้เธอเลิกคบกับเขาหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากเป็นคนต่างศาสนา
สำนักข่าว Jerusalem Post รายงานว่า หญิงสาวเคยหนีออกจากบ้าน เพราะถูกพ่อตีและข่มขู่ด้วยวิธีการต่างๆ เธอจึงหนีไปอยู่บ้านแม่ของแฟน
ในระหว่างที่หนีออกจากบ้าน หญิงสาวได้ส่งข้อความไปหาเพื่อนว่า “เธอต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าครอบครัวส่งคนมาฆ่าฉันพวกเขาออกตามหาฉันทุกที่ เธออาจจะไม่เข้าใจว่ามันน่ากลัวแค่ไหน แต่ฉันต้องทำทุกทางเพื่อหนีให้ไกลจากพวกเขา”
แต่ก็หนีได้ไม่นาน เธอก็ถูกตามตัวจนเจอและพากลับบ้านในที่สุด…
ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ดังที่รายงานไป ทำให้พ่อแม่พร้อมกับลุงของเธอถูกจับกุม เพราะตำรวจเคยติดตั้งเครื่องบันทึกเสียงไว้ในบ้านพวกเขา หลังได้รับการแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ไม่มีหลักเพียงพอให้จับกุมได้
ในเทปบันทึกเสียง มีเสียงพ่อพูดกับผู้เป็นแม่ว่า “ลืมเธอซะ แล้วปล่อยเธอไปลงนรก” “มันไม่คุ้มหรอกที่เราจะเลี้ยงดูเธอต่อไป เธอไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง เราต้องตีเธอ และโยนทิ้งเหมือนหมา ดูสิจะทำอะไรได้”
แต่หลังจากที่ถูกจับกุม Sami กลับปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าลูกสาว อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี
ขณะเดียวกัน ชาวมุสลิมจำนวนได้ออกมาประท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ และประณามการทำงานของตำรวจที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้
ที่มา metro
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.