หากจะพูดถึงประเภทของดาบที่มีชื่อเสียงอยู่ทั่วโลกหลายๆ คนก็จะได้นึกถึง Katana ดาบแห่งประเทศญี่ปุ่น ที่มีความงดงามน่าหลงใหลในรูปลักษณ์ของมัน
ที่มากไปกว่านั้นเมื่อถามผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ถึงที่สุดของ Katana ก็จะต้องเป็น “ห้าดาบใต้หล้า” หรือที่ญี่ปุ่นเรียก Tenko Goken โดยทั้ง 5 เล่มนั้นได้นำเสนอถึงรูปแบบวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และฝีมืออันยอดเยี่ยมของช่างที่ตีดาบเหล่านี้ขึ้นมา
ซึ่ง Mikatzuki Munechika นั้นคือดาบที่หลายคนจัดให้มีความงดงามที่สุดในทั้ง 5 เล่ม และในตอนนี้ก็ได้มีการจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นานาชาติโตเกียว
ชื่อของดาบที่ดูเหมือนจะเป็นชื่อของคนมากกว่านั้น ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าส่วนหนึ่งมาจากชื่อของช่างที่ตีดาบนี้คือ Sanjo Munechika เขาเป็นหนึ่งในช่างตีดาบที่มีฝีมือมากที่สุดในยุคเฮอัน (ช่วงปีค.ศ. 794 ถึง 1185)
โดยดาบเล่มนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 10
ส่วนชื่อ Mikazuki นั้นในญี่ปุ่นมีความหมายว่า พระจันทร์เสี้ยว โดยในระหว่างการตีดาบประเภทนี้นั้นก็จะสร้างลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ลงไปบนผิวดาบแต่ละเล่ม สำหรับเล่มนี้นั้นมีลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ยวที่โค้งอย่างสวยงาม
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่การจะถ่ายรูปให้เห็นลวดลายผ่านกระจกป้องกันที่กั้นไว้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่รูปทรงและแสงสะท้อนจากตัวเหล็กกล้านั้นก็ยังคงสามารถจับภาพไว้ได้
ดาบ Mikazuki Munechika ในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานพันปี ก็ได้มีผู้ที่เป็นตำนานในอดีตได้นำมันไปใช้ เช่น ในศตวรรษที่ 16 ได้แก่ยอดซามูไรอย่าง Toyotomi Hideyoshi และโชกุน Tokugawa
ในปัจจุบันดาบเล่มนี้ได้กลายเป็นสมบัติแห่งชาตและอยู่ใน Tokyo National Museum
ทางพิพิธภัณฑ์ไม่มีการจัดแสดงอยู่ตลอด แต่ได้เริ่มมีการจัดแสดงให้ชมในวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา และไม่ใช่เพียงผู้สนใจในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่มาชมดาบเล่มดังกล่าว แต่ได้มีแฟนนคลับจากการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่เข้ามาร่วมชมอีกด้วย
การ์ตูนเรื่องดังกล่าวก็คือ Touken Ranbu ซึ่งเป็นการ์ตูนและวิดีโอเกม ซึ่งได้ทำการดัดแปลงดาบในตำนานเล่มนี้ไปเป็นตัวละครหนุ่มรูปงามซึ่งได้ใช้ชื่อของตัวละครร่วมกับดาบ จึงทำให้เป็นที่สนใจและชื่นชอบของบรรดาแฟนคลับสาวญี่ปุ่น
จากผลตอบรับนั้นทำให้มีผู้เข้าชมดาบเล่มนี้อย่างมหาศาล ที่เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายจึงต้องต่อแถวเข้าไปชมและสามารถถ่ายได้เพียงรูปเดียว หากต้องการจะถ่ายอีกก็ต้องไปต่อแถวอีกครั้งเท่านั้น…
.
.
การจัดแสดงนั้นจะมีไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งถ้าหากใครสนใจก็สามารถเข้าไปชมความสวยงามของดาบในตำนานเล่มนี้ได้ที่ประเทศญี่ปุ่นได้เลย
ที่มา: rocketnews24
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.