กลายเป็นมหากาพย์ดราม่าที่ฟ้องกันอุตลุด ระหว่างครอบครัวของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี Jacob Ohl กับบริษัทรถไฟขนส่ง CSX
โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า ครอบครัวของผู้เสียหายได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องบริษัทรถไฟกับศาล โดยเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 7 ล้านบาท) อันเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่
ทางฝั่งครอบครัวผู้เสียหายอ้างว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม Jacob ได้ไปเดินเล่นข้างทางรถไฟพร้อมกับใส่หูฟัง โดยไม่ทันได้สังเกตว่าว่ามีรถไฟเคลื่อนขบวนผ่านมา และเจ้าตัวก็อ้างว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ยอมส่งสัญญาณเตือนให้เด็กหนุ่มได้ยิน
จากอุบัติเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาสูญเสียขาทั้ง 2 ข้าง
ทว่าทางฝั่งของบริษัทรถไฟก็ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน โดยบริษัทการรถไฟอ้างว่า บริเวณดังกล่าวไม่ใช่สถานที่สำหรับเดินเล่น เนื่องจากเต็มไปด้วยขบวนรถไฟขนส่งเข้าออกตลอดเวลา
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้ส่งสัญญาณเตือน Jacob Ohl จากระยะ 300 เมตรก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้ยิน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในเวลาต่อมา
จากอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ครอบครัวต้องพบกับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลที่มากกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสาเหตุที่พวกเขาออกมาฟ้องร้องในครั้งนี้ ก็เพราะพวกเขาไม่ได้รับค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทการรถไฟเลย
ทว่าข่าวการฟ้องร้องครั้งนี้ก็ถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อยู่พอสมควร เพราะหลายคนมองว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของการรถไฟ แต่เป็นความผิดของตัวเด็กเองที่ใส่หูฟังไปเดินเล่นในที่ๆ ไม่ควรไป
ชาวเน็ตหลายคนเห็นด้วยกับความเห็นที่ว่า.. นี่เป็นตัวอย่างของพวกที่ใส่หูฟังแล้วไม่สนโลกรอบข้าง แต่พอได้รับอุบัติเหตุก็มาโทษคนอื่น โดยที่ไม่ยอมโทษตัวเอง
แต่ก็มีบางคนที่มองว่าบริษัทรถไฟควรจ่ายเงินชดเชยให้ เนื่องจากพวกเขาไม่มีรั้วกั้นหรือป้ายเตือน
แต่ก็มีคนออกมาแย้งว่า ‘ทั้งโลกจะต้องทำที่กั้นรางรถไฟเพื่อป้องกันเรื่องแบบนี้เหรอ? บางทีเราควรจะสอนลูกว่ารางรถไฟมันอันตราย ไม่ควรไปเดินเล่นแถวนั้นน่าจะง่ายกว่านะ..’
Jacob Ohl และครอบครัวของเขา
ถึงแม้ว่าการฟ้องร้องจะยังไม่ได้บทสรุป แต่ก็ถือเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้รู้ว่า… อย่าไปเดินเล่นข้างทางรถไฟเลยนะ ที่อื่นดีๆ มีให้เดินอีกเยอะแยะ เดี๋ยวจะบาดเจ็บเอา
ที่มา dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.