แม้ว่า Eric Lafforgue ช่างภาพมือโปรผู้เคยทำงานร่วมกับสื่อดังหลายสำนัก จะได้เดินทางไปพบเจอเรื่องราวต่างๆ มาแล้วรอบโลก แต่หนึ่งสถานที่ๆ ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดใจได้มากที่สุดก็คือ ‘เกาหลีเหนือ’
ทั้งหมดนี้เป็นภาพวิถีชีวิตของชาวเกาหลีเหนือ
เมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เจ้าตัวมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวในดินแดนโสมเหนือ ด้วยการขับรถไปตามเส้นทางหลวง แม้ว่าระหว่างทางอาจเกิดอันตรายกับพวกเขาได้เสมอ แต่ทั้งหมดก็ได้มาซึ่งภาพวิถีชีวิตที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้สัมผัส
แม้ว่าบนเส้นทางหลวงจะไม่มีด่านเก็บเงิน แต่ก็ใช่ว่านักท่องเที่ยวจะลงจากรถได้
“เมื่อคุณไปถึงทุกอย่างจะถูกกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการท่องเที่ยว อาหารการกิน ที่พักอาศัย ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับไกด์ และบนเส้นทางหลวงก็อันตรายเกินกว่าที่คุณจะจอดรถลงไปยิงกระต่ายข้างทางได้” Eric เล่าถึงประสบการณ์
ช่างภาพเล่าว่าถนนของที่นี่มีขนาดกว้างมากพอที่จะใช้เป็นรันเวย์ให้เครื่องบินได้เลย
แน่นอนว่าชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เดินทางด้วยการปั่นจักรยาน
แม้แต่ตามสี่แยกก็ไม่ค่อยมีรถออกมาให้เห็นซักเท่าไหร่ จะมีก็แต่ภาพของเด็กๆ ที่ออกมาเล่นกันอย่างสนุกสนาน
จากภาพที่เขาเห็น ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านจะมีวิถีชีวิตอยู่ติดกับการเกษตรกรรม และดูตื่นเต้นมากเมื่อมีรถนักท่องเที่ยวขับผ่าน
ท่ามกลางที่ไหนซักแห่งบนทางหลวง มีร้านค้าเพียงร้านเดียวที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกซื้อของได้
หนึ่งในภาพที่ชวนให้รู้สึกเซอไพรส์สุดๆ เมื่อเขาได้ไปเจอกลุ่มทหารวัยรุ่นกำลังยืนซ้อมดนตรีกันอย่างลับๆ
เปียงยางมีกฎห้ามไม่ให้รถที่ดูสกปรกเปื้อนฝุ่นเข้าไปแล่นในเมืองได้ ดังนั้นรถทุกคันจะต้องผ่านการขัดล้างก่อนขับเข้าเมือง
สำหรับช่างภาพแล้วเขาเล่าว่า เรื่องราวที่พบเห็นในชนบททำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 50s และยังขาดแคลนการพัฒนาทางอุตสาหกรรม
บนทางด่วนยังมีร้านค้าเล็กๆ อีกหนึ่งร้านสำหรับนักท่องเที่ยว โดยสินค้าทุกชิ้นจะจำหน่ายในราคา 1 ยูโร
ป้ายโฆษณาบิลบอร์ดที่พบเห็นมากที่สุด ก็จะมีแต่โฆษณาที่เกี่ยวกับรถยนต์เท่านั้น
สำหรับบางประเทศเราอาจจะเห็นภาพของผู้คนใส่สูทเดินข้ามถนน แต่ที่นี่เป็นภาพของเด็กๆ ชาวสวนชาวไร่ที่วิ่งข้ามถนนขนาดใหญ่
บนเส้นทางหลวงมีหลุมบ่อมากมาย และหน้าที่การซ่อมถนนก็ต้องเป็นของประชาชนนั่นเอง
ป้ายที่เขียนบอกทางว่าเมือง Sok-Cho อยู่ห่างออกไป 64 กิโลเมตร
ตลอดบนเส้นทางหลวงตามเขตชายแดน จะได้พบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงอยู่ข้างทาง โดยไกด์ให้ข้อมูลว่า เมื่อมีสงครามจากต่างชาติเสาพวกนี้จะช่วยปิดกั้นเส้นทางการเดินรถได้
วิถีชีวิตส่วนใหญ่ของผู้คนที่เขาพบเห็น เป็นภาพของเจ้าหน้าที่ยืนคุมชาวบ้านทำงานสาธารณะประโยชน์ต่างๆ
ป้ายที่เขียนคำว่า ‘อิสระภาพ’, ‘สันติภาพ’ และ ‘การรวมพลัง’ ที่อาจสอดคล้องต่อแนวคิดของคนในชาตินี้
ช่างภาพเล่าว่า โดยปกติเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะถ่ายรูปแบบนี้ได้เลย เว้นแต่ว่าตอนนั้นเป็นจังหวะที่ไกด์ไม่เห็นพอดี
ตลอดทั้งทริปเขาไม่พบเห็นรถคันอื่นๆ เลย จนกระทั่งจู่ๆ ก็มีรถฮัมเมอร์สัญชาติอเมริกันแล่นผ่านเข้าไปในเมือง
ช่างภาพเล่าเสริมว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก เพราะประชาชนหลายๆ คนเริ่มรู้สึกไม่พอใจเมื่อผู้นำหรือกลุ่มคนที่มีฐานะ (ส่วนใหญ่เป็นผู้จงรักภักดี) ได้นำสิ่งของจากชาติตะวันตกเข้ามาใช้ ซึ่งขัดแย้งกับหลักอุดมการณ์ดั้งเดิม
เป็นอย่างที่เรารู้กันว่าป้ายโฆษณาส่วนใหญ่จะเชิดชูท่านผู้นำ เช่นป้ายนี้ที่เขียนระบุไว้ว่า “ร่วมกันสร้างชาติให้ก้าวไกล เพื่อท่านผู้นำคิมจองอิล”
ตลอดระยะทางมีชาวบ้านพยายามขอติดรถมาด้วย ทว่ากลับเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงถึงแม้ว่าบนรถบัสของกลุ่มนักท่องเที่ยวจะมีที่ว่างเหลืออยู่ก็ตาม
งานส่วนใหญ่ที่ประชาชนทำ ก็จะเป็นงานแรงงานทั่วๆ ไป
จากการเข้าไปท่องเที่ยวทั้งหมดทำให้เขาได้เห็นว่า แท้จริงแล้วยังมีประชาชนอีกมากในเกาหลีเหนือที่คุณภาพชีวิตไม่ได้ดีซักเท่าไหร่
ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายอาจจะด้วยอุดมการณ์ที่ทำให้ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักเท่าเทียมกัน
ภาพของกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่เหมือนกำลังจะซ้อมงานแสดงเพื่อพิธีอะไรบางอย่าง
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าแปลกใจก็คือ เขาสังเกตเห็นโฆษณารถยนต์มากมายทั่วเมือง แต่มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่มีโอกาสได้ใช้รถยนต์
และทั้งหมดนี้ก็เป็นภาพสะท้อนวิถีชีวิต ที่อาจจะทำให้เรารู้สึกว่า… เกาหลีเหนือยังมีปริศนาหลายๆ อย่างที่เราอาจจะต้องเข้าไปหาคำตอบด้วยตัวเราเอง
ที่มา: Boredpanda
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.