เรื่องราวสุดเศร้า เมื่อหญิงสาวต้องเจอกับช่วงเวลาสุดจนตรอก เมื่อรู้ว่าแม่ของตนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายพร้อมค่าใช้จ่ายอันมากมาย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พร้อมจะสละทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อนำมารักษาคนที่เธอรัก…
Lori วัย 27 ปี ได้ให้สัญญากับคุณแม่ว่าเธอจะยอมทำทุกวิธีทางเพื่อหาเงินมารักษา Lisa ผู้เป็นแม่วัย 46 ปีของเธอให้ได้ โดยก่อนหน้านั้นเธอได้ตรวจพบว่าแม่ของเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และที่สำคัญก็ไม่มีแพทย์ในสหราชอาณาจักรไหนที่รักษาได้ ทั้งคู่จึงต้องเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีแทน…
เธอบอกว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ของเธอนั้นมากโขเลยทีเดียว เพราะในแต่ละสัปดาห์เธอจะต้องพาแม่ไปรักษาตัวโดยจ่ายเงินสัปดาห์ละ 1 ล้านบาท!!
ซึ่งเธอบอกว่ามันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากๆ และนั้นเป็นค่ารักษาต่อสัปดาห์เท่านั้น เธอจึงจัดการขายทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งบ้าน ทั้งรถ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าอ่านดูแล้วเราอาจจะคิดว่ามันบ้า แต่เพื่อให้คนที่เรารักได้มีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าลำบากแค่ไหนเราก็ยอมทำจริงไหม?
แน่นอนว่าเธอไม่เพียงแต่จะขายทุกสิ่ง แต่เธอยังเริ่มเปิดระดมทุนให้คนที่อยากจะบริจากเงินช่วยมาสนับสนุนค่ารักษาด้วย โดยในตอนแรกเมื่อปี 2015 ทางแพทย์บอกกับ Lori ว่าแม่ของเธอจะมีอายุอยู่ได้อีกไม่นาน ราวๆ 2 ปีเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อช่วงต้นปี 2017 หมอบอกว่าแม่ของเธอจะอยู่ไปได้อีกราวๆ 8 สัปดาห์เท่านั้น แต่เวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบันแม่ของเธอก็ยังอยู่ดีนั่นเอง
เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่เธอเปิดให้คนช่วยสนับสนุนเงินค่ารักษา และตอนนี้เธอก็บอกว่าอาการแม่ของเธอดีขึ้นตามลำดับ ขาดแค่ว่าถ้าเรื่องเงินไม่ติดขัดอะไร เธอก็จะเริ่มการรักษาขั้นต่อๆ ไปให้กับแม่ของเธอได้
นอกจากนั้นเธอยังบอกว่าเธอไม่เหลืออะไรจะขายต่อแล้ว การเรี่ยไรทุนเป็นหนทางหลักอย่างเดียวที่เธอจะหาเงินมารักษาแม่ได้ แต่เธอบอกว่าเธอไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เพราะแม่เธอคลอดเธอในวัย 18 แต่ก็ยังสู้และเลี้ยงเธอมาจนทุกวันนี้ได้ ฉะนั้นเธอก็ไม่ยอมและจะสู้เพื่อแม่เช่นกัน…
เป็นแม่ลูกที่ดูมีความสุขและรักกันมากจริงๆ นะ
ถ้าใครสนใจอยากจะช่วยสนับสนุน Lori และ Lisa ก็สามารถเข้าไปบริจาคเงินได้ที่ gofundme เลยจ้า…
ที่มา mirror
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.