การรักษาโรคบางอย่างอาจต้องทำให้เราสูญเสียบางอย่างไปแลกกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถมีสิ่งมาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในตอนนั้นได้เสมอไป เมื่อเธอผู้นี้ได้สละผิวของอวัยวะส่วนเล็กๆ เพื่อเติมเต็มอีกส่วนที่ขาดหายไป
คุณแม่วัย 34 ปีที่มีชื่อว่า Stephanie Wigglesworth ได้ถูกวินิจฉัยว่าเธอนั้นป่วยเป็นโรคมะเร็งหายากชนิดหนึ่งของเธอที่เกิดขึ้นกับช่องปาก หนทางเดียวที่จะรักษาได้นั่นคือการตัดลิ้น…
โรงพยาบาลเมือง Cambridgeshire ในประเทศอังกฤษ ได้วินิจฉัยโรคดังกล่าวให้กับเธอ และตัดเอาลิ้นครึ่งหนึ่งของเธอออกไป ก่อนที่จะให้เธอปลูกถ่ายเนื้อลิ้นใหม่ ซึ่งนั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยเยียวยาหลังการผ่าตัดของเธอได้
สิ่งที่นำมาปลูกถ่ายนั้นไม่ได้มาจากไหนไกล แต่มันคือเนื้อเยื่อบริเวณข้อมือของเธอขนาด 3×3 นิ้ว และจากฝีมือการผ่าตัดของศัลยแพทย์ชื่อดังในเดือนมีนาคม ปี 2013 ที่ใช้เวลาถึง 9 ชั่วโมง ก็ทำให้ประสบความสำเร็จได้
หลังจากการผ่าตัดนำเนื้อบริเวณข้อมือไปปลูกถ่ายลิ้น
ข้อมือของเธอในปัจจุบัน
เธอได้บอกเล่าเรื่องราวว่าในตอนแรกนั้นมันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจอย่างมากที่เธอไม่สามารถพูด หรือแม้แต่ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ แถมยังรู้สึกสะอิดสะเอียน ที่ต้องใช้ไวท์บอร์ดในการสื่อสารกับสามีของเธอ
มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกในตอนนั้นแต่มันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และความรู้สึกที่เธอไม่สามารถเรียกชื่อของลูกเธอได้นั้น คือสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับเธอ
.
แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ทุกอย่างหายดีแล้วสุดท้ายเธอก็สามารถกลับมาพูดได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่ามันจะยากมากที่จะต้องเรียนรู้การออกเสียงใหม่ตั้งแต่ต้น และสองคำแรกที่เธอพูดได้ก็คือชื่อลูกของเธอทั้งสองคน Keiran และ Daisy
เธอใช้เวลาถึง 12 วันจนสามารถเรียกชื่อลูกของพวกเธอได้คล่อง และสามารถพูดคุยกับสามีของเธอได้ ตอนนี้เธอรู้สึกยินดีและฉลองให้กับเวลาที่ผ่านมานานถึง 4 ปีที่เธอหายจากโรคมะเร็ง
ถึงแม้ว่าการพูดของเธออาจตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่ลูกๆ ของเธอก็จะเข้าใจและสามารถอธิบายสิ่งที่เธอต้องการจะพูดได้ในทันที
เสียงของเธอนั้นมีการเปลี่ยนไปอย่างมากจนเหมือนไม่ใช่เสียงของเธอเองด้วยโทนเสียงแหบๆ และการบำบัดของเธอนั้นจะต้องมีการใช้รังสีช่วยอยู่ด้วย การกินของเธอเป็นไปได้อย่างยากลำบากแต่ก็เริ่มมีการพัฒนาไปทีละขั้น และหวังว่าสักวันทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เธอกับหน้ากากที่ต้องใช้ในการทำรังสีบำบัด
เรื่องราวทั้งหมดนั้นต้องผ่านระยะเวลามาอย่างยาวนานพอสมควรที่ต้องอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันก็คุ้มค่ากับความอดทนเมื่อปลายทางคือสิ่งที่เธอหรือเราทุกคนต้องการให้เป็น…
ที่มา: mirror
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.