15 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “ความฝัน” ที่พอได้รู้แล้วจะคิดในใจเลยว่า “มันโคตรจะตรง”

ความฝัน หนึ่งในปรากฏการณ์ที่ทุกวันนี้เราก็ยังไม่สามารถจะเข้าใจถึงมันได้อย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีผลการวิจัยและการศึกษาต่างๆ มากมายหลายอย่างก็ยังเป็นปริศนาคล้ายๆ กับวิญญาน

แต่ถึงจะบอกว่ามันเป็นปริศนาก็ตาม เราก็ยังมีข้อพิสูจน์มากมายเกี่ยวกับความฝนที่มีการค้นพบและศึกษามาอยู่บ้าง ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละอย่างมันก็ล้วนน่าตกใจแทบทั้งสิ้น บางอย่างนั้นตัวเราเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

ว่าแต่เรื่องพวกนั้นจะมีอะไรบ้าง อย่ามัวรอช้ามาดูกันเลยดีกว่า!!

 

1 . คนเราจะฝันทุกวัน เพียงแค่เราจำไม่ได้เท่านั้นเอง

จากการวิจัยพบว่า คนเรานั้นตั้งแต่อายุ 10 ขวบขึ้นไปจะฝันกันเกือบทุกวัน แต่บางครั้งก็จะจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนใหญ่ความฝันมักจะเกิดขึ้นในช่วงภาวะ REM (Non Rapid Eye Movement) หรือก็คือภาวะการหลับลึก

 

2. ส่วนใหญ่หลังจากตื่นนอนไม่ถึง 5 นาทีเราก็จะลืมเรื่องที่ฝันไปแล้วครึ่งหนึ่ง จากนั้นอีก 10 นาทีเราจะลืม 90 % ของเรื่องราวทั้งหมด

ต่อจากข้อข้างบน เมื่อเราสามารถจำได้ว่าเราฝันอะไร แต่หลังจากตื่นนอนเพียงแค่ 5 นาทีเราก็เริ่มรู้สึกจำไม่ได้แล้วว่าเราฝันอะไร พอผ่านไปอีก 10 นาที เราก็แทบจะลืมเกือบสมบูรณ์เกี่ยวกับที่ฝันทั้งหมด…เศร้าจัง

Francis Crick ผู้ร่วมคิดค้น DNA สันนิษฐานว่าการทำงานของความฝันคือการกำจัดข้อมูลส่วเนกินออกจากการเชื่อมต่อหน่วยความจำที่ไม่จำเป็น ซึ่งสมองจะค่อยๆ ลบมันออกไปทีละนิด

 

3. เฉลี่ยแล้วคนหนึ่งคนจะฝัน 1,460 ครั้งต่อปี

จากผลวิจัยจะพบว่าถ้ารวมทั้งฝันที่จำได้และไม่ได้ แม้จะอยู่ในภาวะการนอนที่เราเรียกว่า Non-Rem ก็ตาม โดยเราจะฝันเฉลี่ย 4 ถึง 6 ครั้งต่อวัน ซึ่งมันเยอะมากๆ เลยจริงไหม?

 

4. ถ้าคิดค่าเฉลี่ยระยะเวลาการฝันเทียบกับระยะเวลาของชีวิตจริง เราจะได้ระยะในการฝันนานถึง 3 ปี!!

เราจะฝันเฉลี่ยคืนละ 45 ถึง 50 นาทีต่อคืน ซึ่งเมื่อเอามาคิดค่ารวมของอายุของคนก็จะได้เป็นเวลา 300 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งถ้าเราอายุ 72 เราก็จะมีค่าเฉลี่ยฝัน 3 ปี นั่นเอง

 

5. ระหว่างที่ฝัน ปิกาจูของท่านชายสามารถลุกขึ้นมาเซฮัลโหลได้ถึง 5 ครั้งต่อคืน!!

ไม่ต้องตกใจไป ถึงแม้มันจะดูเยอะ แต่ถ้าร่างกายของท่านชายยังเป็นแบบนี้ แสดงว่าร่างกายปกติดีนะจ๊ะนายจ๋า

 

6. ผู้หญิงมักจะฝันร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

จากการวิจัยของ Jennifer Parker ได้บอกไว้ว่า ผู้หญิงจะฝันร้ายมากขึ้นเมื่อช่วงมีประจำเดือน

 

7. คุณอาจจะถูกวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรค Nightmare disorder (ภาวะฝันร้าย)

การสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการหลับลึกบ่อยๆ จะทำให้เราสามารถเรียกความจำเกี่ยวกับฝันร้ายได้บ่อยๆ และมันจะกลายเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทรมานในชีวิตจริง

 

8. แต่เหนือความทุกข์ข้างบน ยังมีอะไรที่ร้ายกว่าคือ ภาวะตกใจกลัวตอนกลางคืน หรือ Night Terror

ที่ภาวะดังกล่าวมันโหดร้ายนั้นก็เพราะว่า คนที่เป็นจะเกิดการร้องไห้หรือกรีดร้องทุบตีรอบตัวในตอนกลางคืนบ่อยๆ ซึ่งมาจากความฝันอันโหดร้าย แต่โชคยังดีที่พอตื่นมาแล้วพวกเขาจะจำฝันเหล่านั้นไม่ได้ และก็มีคนเป็นน้อยมากๆ

 

9. บางคนฝันได้แต่ภาพสีขาวดำ เศร้าอีกแล้ว

ผลสำรวจพบว่าในจะพบเฉลี่ย 12% จากคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี และมากขึ้นในคนที่อายุมากกว่า 55 ปี คนที่เป็นอาการนี้จะไม่สามารถฝันแบบปกติได้ จะเห็นฝันเป็นเพียงภาพสีขาวดำ

ซึ่งบางที่ก็บอกว่า สาเหตมาจากการที่วัยเด็กเราเคยดูทีวีขาวดำในวัยเด็ก จากนั้นมันก็ติดตาและทำให้เราฝันเป็นภาพขาวดำตลอด

 

10. บางคนอ้างว่าสามารถได้กลิ่นจากฝัน

จากผลวิจัยในช่วงปี 1998 เคยมีคนประมาณ 1 เปอร์เซ็นของผู้เข้าร่วมการทดลองกล่าวอ้างว่า พวกเขาสามารถที่จะได้กลิ่นต่างๆ ที่เกิดขึ้นในความฝัน ว่าแต่มันจะเป็นยังไงกันนะ?

 

11. ถ้าฝันร้ายแล้วอยากร้องขอความช่วยเหลือ ลืมไปได้เลยเพราะคุณทำไม่ได้!!?

แม้ในฝันเราจะฝันร้ายแค่ไหน ถูกตัวอะไรไล่ตาม เราสามารถที่จะสะดึ้งตื่นขึ้นมาแล้วกรีดร้องได้ แต่เราไม่สามารถที่จะร้องขอและเปร่งเสียงออกมาในชีวิตจริงได้ในขณะที่กำลังฝัน

เพราะฝันส่วนใหญ่มักจะเกิดในช่วง REM ซึ่งมันส่งผลให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต เราก็เลยทำได้แค่ส่งเสียงในฝันนั่นเอง

 

12. หลังจากฝันร้าย เราจะรู้สึกดีมากขึ้น

ผลวิจัยชี้ว่า หลังจากฝันร้ายเราจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเราจริงๆ เพราะฝันร้ายมักเกิดขึ้นจากเรื่องที่เราวิตกกังวลหรือหวาดระแวงอยู่บ่อยๆ สมองก็เลยทำการสร้างแบบจำลองขึ้นมาเป็นฝันร้าย เพื่อให้เราสามารถรับมือกับมันได้ดีขึ้นในภายหลัง

 

13. บางครั้งคุณสามารถที่จะควบคุมความฝันได้ เจ๋งงงง

เราเรียกมันว่า Lucid dreaming ซึ่งเป็นการฝันแบบรู้สึกตัวว่าเรากำลังฝัน แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะสามารถควบคุมบางอย่างหรือทุกอย่างภายในฝันของเราได้

นอกจากนั้นยังมีผลวิจัยบางตัวยืนยันว่าเราสามารถฝึกการฝันแบบนี้ได้ บางคนถึงกับขายหนังสือสอนเลยก็มี

 

14. หากคุณมีการนอนละเมอ แสดงว่าการนอนของคุณเริ่มผิดปกติ

อาการนี้จะต่างจากภาวะตกใจกลัวตอนกลางคืน นั้นก็เพราะบางครั้งมันไม่ได้เกิดโดยฝันร้าย แต่จะเกิดจากฝันอะไรก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งมันเกิดขึ้นเพราะกระบวนการนอนขั้น REM ทำงานไม่ปกติ ด้วยเหตุนี้คนก็เลยละเมอทำท่าทางต่างๆ ซึ่งมันอาจจะทำให้คนๆ นั้นบาดเจ็บได้

 

15. ถ้าคุณฝันเรื่องเดิมบ่อยๆ แสดงว่าเรื่องนั้นมันเป็นปัญหาชีวิตที่คาใจและยังไม่ได้แก้

นักทฤษฎีความฝันเห็นพ้องต้องกันว่าบางครั้งความฝันก็มักจะเกิดขึ้นจากปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ไขหรือคาใจมานาน ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้แต่เด็ก และบางครั้งมันก็จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต สมมติว่าเรามีความเครียดในการสอบเมื่อวัยเด็ก แบบทำไม่ได้เลยจนทำให้เราสอบตกโดนแม่ตี เรื่องนี้มันก็อาจจะกลายเป็นฝันร้ายได้และฝันร้ายนี้อาจเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากหลายปีต่อมาถ้าวันหนึ่งเราเครียดกับงาน

 

ที่มา buzzfeed

Comments

Leave a Reply