หนุ่มรื้อถอนห้องน้ำ หวังเพื่อจะรีโนเวทใหม่… แต่ดันเจอสุสานโบราณ ที่ซ่อนอยู่ใต้ดินซะงั้น!!

เป็นเรื่องราวการค้นพบที่ไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมาเจอกับอะไรแบบนี้ เมื่อ Lucian Faggiano หนุ่มชาวเมืองเลกเซประเทศอิตาลี ได้วางแผนที่จะเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่ง

โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ทำการซื้อขายตึกแถว 56 Via Ascanio Grandi และก่อนที่จะเริ่มเปิดร้านได้ก็ต้องมีการปรับปรุงรีโนเวทร้านใหม่ทั้งหมดก่อน

 

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่า ใช้เวลาเพียงอาทิตย์เดียวก็คงจะเปิดร้านได้แล้ว

แต่กลับไม่เป็นอย่างที่วางแผนไว้ เพราะหลังจากที่พวกเขาได้รื้อถอนห้องน้ำและตั้งใจจะรีโนเวทใหม่ ก็ต้องพบว่าใต้พื้นห้องน้ำเดิมทีเป็นที่ตั้งของสุสานโบราณ

ซึ่งหลังจากที่มีการค้นพบดังกล่าว พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่า 8 ปี เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่จัดการกับวัตถุโบราณทั้งหมดก่อนจะเปิดร้านได้

 

 

ทางนักโบราณคดีได้ชี้ว่า สุสานดังกล่าวน่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงยุคโรมัน โดยในตอนนั้นบริเวณดังกล่าวถูกใช้ชื่อเมืองว่า Sybar ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Lupiae และเปลี่ยนเป็น Lecce ในเวลาต่อมา

 

 

Giovanni Giangreco หนึ่งในเจ้าหน้าที่โบราณคดีอ้างว่า “การค้นพบภายในบ้านของ Faggiano ในครั้งนี้ นับเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์

เพราะสถานที่แห่งนี้เคยถูกใช้มาตั้งแต่ยุค Messapians ไปจนถึงยุคโรมัน และจากยุคกลางสืบสานไปจนถึงยุคไบแซนไทน์”

 

 

นอจากนั้นนักโบราณคดียังขุดพบเครื่องปั้นดินเผา และเครืี่องประดับต่างๆ ที่ถูกสร้างมาโดยอัศวินเทมพลาร์ ซึ่งทางประวัติศาสตร์นั้นถือว่าเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่มาก

 

แต่สำหรับพวกเขาที่มีแผนจะเปิดร้านอาหารนั้น นี้กลับไม่ใช่การค้นพบที่ดีซักเท่าไหร่

 

เพราะทันทีที่รัฐบาลรู้ว่ามีการค้นพบที่นี่ พวกเขาก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้ต่อเติมร้านต่อจนกว่าจะจัดการกับการค้นพบครั้งนี้เสร็จ ทว่า.. ในแง่ของคนทำมาหากินนั้น พวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะรอเจ้าหน้าที่รัฐได้ หลังทุ่มเงินไปกับการทำร้านเป็นจำนวนมาก

 

 

ดูเหมือนว่าการค้นพบวัตถุโบราณอายุ 2,000 ปีนี้ จะกลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของตึกแทนสินะ

 

ในท้ายที่สุดแล้วอาคารแห่งความหวังที่จะเปิดเป็นร้านอาหาร ก็ต้องผกผันเปลี่ยนแปลงมาเป็นการเปิดพิพิธภัณฑ์โบราณ Museo Faggiano แทน แต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงมองหาสถานที่เหมาะสมกว่านี้ เพื่อที่จะเปิดร้านอาหารตามฝันให้จงได้…

ที่มา: Vintagenews, nytimes

Comments

Leave a Reply