ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพม่า บ้านเรือนถูกเผาไปกว่า 700 หลัง

ความรุนแรงและป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นบนโลกยังมีอีกมากที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ อย่างเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ที่อยู่ทางตะวันตกของพม่า ที่ต้องเจอกับปัญหาความรุนแรงจากความแตกต่างทางศาสนาตั้งแต่ปี 2012 จนปัจจุบันก็ได้บานปลายมาอย่างมาก

มีภาพถ่ายจากดาวเทียมออกมาให้เห็นหมู่บ้านหนึ่งของชาวโรฮิงยาที่เป็นชาวมุสลิมถูกเพลิงไหม้ไฟลุกโชน สร้างความเสียหายกว่า 700 หลังคาเรือนจนเหลือเพียงแค่เถ้าธุลี ซึ่งคาดว่านี่เป็นหนึ่งในการกวาดล้างฆาตกรรมหมู่

เหตุการณ์นี้เพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วัน และในช่วงเวลาเดียวกันชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็ต้องอพยพไปยังชายแดนประเทศบังคลาเทศ

 

 

Chris Lewa ผู้อำนวยการโปรเจคท์ Arakan องค์กรสิทธิมนุษยชนที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เข้าไปสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐดังกล่าวและบอกว่ามีชาวโรฮิงยามากมายถูกฆ่าโดยทหารพม่าหรือกลุ่มชาติพันธุต่างๆ และมากกว่า 130 คนอย่างแน่นอน

ทว่ากลับไม่พบหลักฐานเลยแม้แต่น้อย เพราะทหารและคนที่ลงมือฆ่านำศพไปเผาไฟอย่างไม่เหลือร่องรอยอยู่เสมอ และจากเรื่องราวเหล่านี้ก็ทำให้กลุ่มสิทธิมนุษยชนกังวลว่าความรุนแรงของเรื่องทั้งหมดในรัฐนี้จะแย่กว่าที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น

 

 

และนี่เป็นเพียงแค่ 1 ใน 17 แห่งที่บ่งบอกได้ว่าถูกเผา การลงพื้นที่สังเกตการณ์อย่างอิสระจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเปิดเผยและกระตุ้นให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นที่นั่นบ้าง

รัฐยะไข่ได้เกิดเหตุจราจลมาอย่างยาวนาน ชาวโรฮิงยาถูกสังหารนับพันคนซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นก็จะเป็นชาวมุสลิม ทำให้พวกเขาต้องพากันหนีออกมา จนกลายเป็นคนไร้บ้าน อย่างเหตุการณ์ล่าสุดนี้ก็ทำให้ชาวบ้านราว 1 แสนคนลี้ภัยออกไปจากฝั่งตะวันตกของพม่าที่กำลังเผชิญกับความป่าเถื่อนอยู่

 

 

ความรุนแรงรอบล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มก่อการร้ายโรฮิงยาโจมตีแบบกองโจรฆ่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกลไป 15 คนและเผาหมู่บ้านนั้นอีกด้วย หัวหน้ากองทัพพม่ากล่าวว่าตั้งแต่นั้นมามีผู้เสียชีวิตเกือบ 400 รายโดยในนั้นมีผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา 370 คน

กองกำลังรักษาความปลอดภัยของพม่าได้มีปฏิบัติการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ภาพจากดาวเทียมที่ได้เห็นกันนี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่าทำไมถึงควรอนุญาตผู้ตรวจสอบนานาชาติลงไปสำรวจพื้นที่ในรัฐนี้

 

 

องค์กรสหประชาชาติกล่าวว่าควรมีมาตรการความร่วมมือของรัฐบาลพม่า ในเรื่องการดูแลสิทธิมนุษยชนภายในรัฐยะไข่ และหาทางหยุดการโจมตีพร้อมทั้งตรวจสอบความรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในวันที่ 25 สิงหาคมได้มีการรายง่านว่าผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยากว่า 87,000 คนอพยพเข้าไปอยู่ในบังกลาเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังมีอีก 2 หมื่นคนรอเข้ามาอยู่แถบชายแดน

 

 

ความรุนแรงในรัฐยะไข่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาแล้วกว่า 5 ปี และเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังไม่ใช่ครั้งที่แย่ที่สุด มีผู้คนมากมายต้องจมลงสู่ก้นแม่น้ำ Naf

อย่างไรก็ตามผู้อพยพในปัจจุบันก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนในท้องถิ่นแถวชายแดนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

นับว่าเป็นความโหดร้ายป่าเถื่อนที่ทำให้คนจำนวนมากต้องเสียชีวิตลง และต้องหนีออกจากที่ที่เคยเป็นบ้านพวกเขามาก่อน หวังว่าความขัดแย้งนี้จะสามารถคลี่คลายได้ในเร็ววันนะ

 

ที่มา: dailymail

Comments

Leave a Reply