สำหรับแฟนๆ สิงห์บลู “เชลซี” คงไม่ต้องอธิบายถึงความเก่งกาจของนักเตะจากทวีปแอฟริกาคนนี้ให้ยืดยาว แต่นอกจากจะเป็นดาวเตะขวัญใจมหาชนแล้ว Didier Drogba ยังเป็นขวัญใจของชาวโกตติวัวร์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไอวอรีโคสต์
หลายๆ สิ่งที่เขามอบให้กับบ้านเกิดของตัวเองนั้น นอกจากจะเป็นการบริจาคเงินเพื่อการกุศลต่างๆ แล้ว ตัวเขาเองยังมีส่วนในการช่วยหยุดยั้งสงครามกลางเมืองของประเทศที่ยาวนานถึง 5 ปีอีกด้วย
หลังจากที่ประเทศเริ่มเข้าสู่สภาวะถดถอยในปี 2002 ปัญหาต่างๆ ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจ และเชื้อชาติ จนนำไปสู่ความขัดแย้งและกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด
หลังจากที่ต้องทนกับปัญหาความขัดแย้งอยู่นานหลายปี ก็เริ่มมีชาวโกตติวัวร์บางส่วน ที่เริ่มเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้และออกมาทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศชาติของพวกเขา
และหลังจากที่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมันได้อย่างปาฏิหาริย์ Didier Drogba และเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ถือโอกาสส่งข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติและขอร้องให้ยุติความขัดแย้งครั้งนี้
หลังจากจบการแข่งขันรอบคัดเลือกนัดสุดท้าย ดาวเตะสิงโตน้ำเงินได้กล่าวผ่านคลิปวิดีโอ เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดสงครามกลางเมืองและรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
“ชายและหญิงชาวโกตติวัวร์ ไม่ว่าจะทางเหนือ ทางใต้ ภาคกลาง หรือภาคตะวันออก วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าชาวไอโวรีโคสต์ทุกคนนั้นสามารถอยู่ร่วมกัน เล่นฟุตบอลร่วมกัน และมีเป้าหมายเดียวกันได้ โดยการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกครั้งนี้
เราสัญญาว่าการเฉลิมฉลองนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นของพวกเรา และวันนี้เราจะขอคุกเข่า และอยากให้พวกคุณพูดว่า ‘ให้อภัย’ หนึ่งในประเทศที่ยิ่งใหญ่และมั่งคั่งแห่งแอฟริกา ไม่สมควรจะมีสงครามแบบนี้ ได้โปรดวางอาวุธลง แล้วจัดการเลือกตั้งเสียเถิด เพื่อชีวิตที่ดีของพวกเราทุกคน”
และนี่คือคลิปวิดีโอที่เขาออกมากล่าวเมื่อเดือนตุลาคมปี 2005
Drogba ได้พูดถึงความกล้าหาญของเขาในครั้งนั้นว่า “มันเป็นเพียงบางสิ่งที่ผมทำตามสัญชาติญาณเท่านั้น ทุกคนในทีมเกลียดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศของเรา และการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกันพอดีที่เราจะประกาศให้พวกเขาได้รู้”
และแล้วสันติภาพที่ Drogba เฝ้าฝันถึงก็เกิดขึ้นจริง ในการแข่งขันรอบคัดเลือกแอฟริกันเนชั่นคัพเมื่อปี 2007 การพบกันระหว่างไอวอรีโคสต์และมาดากัสการ์ ในเมืองบัวเก
เขาได้เห็นผู้นำของฝ่ายประธานาธิปดีและหัวหน้าของฝ่ายกบฏมาร่วมชมการแข่งขันภายในสนามเดียวกัน ท่ามกลางกองกำลังของทั้งสองฝ่าย และพวกเขาก็ยืนถ่ายภาพร่วมกันหลังจากที่การแข่งขันจบลง
จากที่มีการประกาศพื้นที่กันชน ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มหยุดการโจมตี จนในที่สุดความสงบสุขที่พวกเขารอคอยมานานถึง 5 ปีก็มาถึง
Drogba ในสนามฟุตบอลที่เมืองบัวเก ฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายกบฏ
หลังจากที่ผ่าน 5 ปีแห่งความเลวร้ายมาได้ Drogba ก็เปรียบเสมือนวีรบุรุษของที่นี่
ทุกๆ อย่างที่เขาทำ ล้วนทำเพื่อประเทศของตัวเองอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าฟุตบอลจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดสันติภาพในประเทศไอวอรีโคสต์ แต่สิ่งที่ Didier Drogba ทำนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสงบสุขในครั้งนี้
ที่มา telegraph
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.