สนามบินนานาชาติ Princess Juliana ถือเป็นสนามบินที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ตอนนี้สนามบินดังกล่าวถูกพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่โจมตี จนเละเทะไปหมด
มีรายงานพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ได้เคลื่อนผ่านสนามบินนานาชาติ Princess Juliana ด้วยความเร็ว 185 ไมล์ต่อชั่วโมง (ราวๆ 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณพระ!) ทำลายรั้วกั้นและชายหาด Maho ที่อยู่ติดกัน
นอกจากนี้พายุยังได้พัดทรายไปกองอยู่บนรันเวย์ ในขณะที่ก้อนจำนวนมากได้ตกลงมาใส่เครื่องบินจนได้รับความเสียหายหนัก
ซากสิ่งของถูกกระจายอยู่ทั่วรันเวย์
หลังจากที่พายุเฮอร์ริเคนพัดเข้าเกาะแซงมาเตียง ก็เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงขึ้นทั่วเกาะ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สั่งให้ประชนชนอพยพออกจากพื้นที่โดยด่วน
แต่จนถึงขนาดนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
พายุได้พัดผ่านเข้าอาคาร จนทำให้ข้าวของกระจายอย่างที่เห็น
Alex Woolfall หนึ่งในผู้ที่อยู่บนเกาะตอนที่พายุเข้า เล่าว่าตอนนั้นเขาและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ อยู่ในอาคาร อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงพายุ ก่อนที่ข้าวของจะพังลงมาและถูกพัดกระจายไปทั่ว
ในขณะที่ Brit Carolyne Coleby เจ้าของธุรกิจเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งบนเกาะเล่าว่า ชาวบ้านแถวนั้นพยายามจะปกป้องบ้านและทรัยพ์สินด้วยเอง ด้วยการนำบอร์ดมาตั้งเพื่อกันลม
ท่าเทียบเครื่องบินถูกพายุทล่มจนขาดเป็นสองส่วน
เธอบอกอีกว่า “ก่อนที่เกิดพายุเฮอร์ริเคนนี้ ท้องฟ้าสดใส แดดส่องสว่างจ้า แต่แล้วอยู่ดีๆ พายุก็เข้าในแบบที่เราคาดไม่ถึงเลย”
เที่ยวบินหนึ่งของสายการบิน British Airways มีผู้โดยสาร 326 คน ต้องลงจอดฉุกเฉินในสหราชอาณาจักร และมีการยกเลิกทุกเที่ยวบินที่จะออกจากสหราชอาณาจักรไปยังเกาะแอนติกัว รวมทั้งเกาะโทเบโก
สภาพภายในของสนามบิน
ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส Gerard Collomb กล่าวว่า “แม้แต่อาคารรัฐบาลที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดบนเกาะนี้ ยังไม่อาจต้านแรงของพายุเออร์มาได้”
ขนาดอาคารที่แข็งแรงยังพังได้ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาคารทั่วไปรวมทั้งบ้านเรือนของประชาชนจะได้รับความเสียหายมากขนาดไหน
สภาพสนามบิน Princess Juliana International Airport ก่อนจะถูกพายุถล่ม
สนามบินนานาชาติ Princess Juliana ตั้งอยู่บนเกาะแซงมาเตียน ในทะเลแคริเบียน โดยเกาะดังกล่าวครั้งหนึ่งถูกปกครองโดยรัฐบาลฝรั่งเศส และอีกครึ่งหนึ่งปกครองโดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์
Alex Woolfall หนึ่งในผู้ที่อยู่บนเกาะขณะพายุเข้า
หาด Baie Nettle ในวันที่พายุเข้า
สำหรับระดับความรุนแรงนั้น นาซาเผยว่าพายุเฮอร์ริเคนกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากระดับ 3 ขึ้นเป็นระดับ 5 และได้ถล่มเกาะต่างๆ ในทะเลแคริเบียน
.
.
รถจำนวนมากจมอยู่ใต้น้ำ หลังพายุเออร์มาเข้า
อาหารตามร้านต่างๆ ถูกประชาชนซื้อไปเกือบหมด เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการแห่ซื้ออุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ อีกเพียบ
ในขณะที่ Richard Branson ผู้ก่อตั้งกลุ่มธุรกิจ Virgin เลือกที่จะหลบภัยอยู่ในห้องเก็บไวน์ของเขา บนเกาะบริติชเวอร์จิ้น ที่ตั้งอยู่บนทะเลแคริเบียนของเขา
แน่นอนว่าบรรยากาศแบบนี้ถูกทำลายจนพังพินาศไปหมด
ที่มา mirror
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.