ถ้าเราบอกว่าความงดงามในปัจจุบันเป็นอะไรที่แปลกตาแล้วละก็ เชื่อเถอะว่าพวกคุณคงไม่เคยเห็นความงดงามตามฉบับจีนโบราณที่เรียกกันว่า ‘เท้าดอกบัว‘ แน่ๆ
ที่บอกว่าเท้าดอกบัว มันแปลกนั้นก็เพราะว่า เท้าดอกบัวหรือที่เรียกว่าการรัดเท้านั้น เป็นแฟชั่นสุดฮิตในยุคสมัยจีนโบราณที่ใช้วัดคุณค่าของหญิงชาวจีนเลยก็ว่าได้ ยิ่งเท้าใครเล็กคนนั้นก็จะยิ่งถูกมองว่าเป็นหญิงที่งดงาม
.
ความงามสุดแปลกตานี้มีต้นกำเนิดมาจากชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11 จากนั้นก็ได้รับความนิยมเรื่อยๆ จนกระทั่งในช่วงปี 1911 จึงเริ่มมีการแบนการรัดเท้าเกิดขึ้น พอศตวรรษที่ 20 จึงจะถึงจุดสิ้นสุดของแฟชั่นดังกล่าว
.
ความงามของเท้าดอกบัวนั้นจะถูกจัดแบ่งออกเป็นหลายชนชั้น ซึ่งก็แล้วความยาวของนิ้วเท้าของแต่ละคน คนที่มีนิ้วเท้ายาว 3 นิ้วจะถูกเรียกว่าเท้าดอกบัวทอง โดยถือเป็นความงามสูงสุด จากนั้นก็ลดย่อนลงมาลำดับป็นดอกบัวเงิน และดอกบัวเหล็ก ซึ่งยิ่งอยู่ในระดับบัวทองก็จะการันตีว่าจะมีชายร่ำรวยมาขอแต่งงานอย่างแน่นอน
หน้าตาของรองเท้าดอกบัว
ขั้นตอนการทำพิธีรัดเท้านั้นจำเป็นจะต้องทำแต่เด็กในช่วงอายุ 4 ถึง 9 ขวบ โดยการทำลายกระดูกเสียก่อน จากนั้นก็จัดรูปเท้าใหม่ให้เป็นเหมือนเกือกม้า ตามด้วยการถอดเล็บออกให้หมดเพื่อป้องกันปัญหาที่ตามมาไม่ว่าจะเล็บที่อาจจะงอกใหม่และเชื้อโรคต่างๆ จากนั้นก็จะมัดให้คงรูปไว้เพื่อให้เท้าดอกบัวที่สมบูรณ์ แน่นอนว่ามันเจ็บสุดๆ
เด็กๆ จะต้องถูกรัดเท้าด้วยผ้าตลอดเวลา
ภาพเปรียบเทียบของเท้าที่ทำบัวกับไม่ทำ
ส่วนใครที่สงสัยว่าไม่ทำได้ไหม คำตอบคือได้!! แต่ว่ายังไงก็ขึ้นอยู่กับครอบครัวนั้นๆ เพราะค่านิยมของเท้าดอกบัวนั้นมาแรงมากๆ จนขนาดที่ว่าถ้าไม่ทำก็จะไม่ได้แต่งงาน ฉะนั้นพ่อแม่ที่อยากให้ลูกสาวมีชายร่ำรวยมาขอจึงบังคับลูกตัวเองให้ทำนั่นเอง ถ้าไม่ทำก็จะถูกเฆี่ยนตี
แม้ว่าการรัดเท้าจะเป็นแฟชั่นที่บ่งบอกความสวยงามและได้รับความนิยมอย่างสูงในจีน แต่ท้ายที่สุดมันก็ได้ถูกยกเลิกไปด้วยปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมา ทั้งปัญหาโรคภัยต่างๆ ที่ส่งอันตรายถึงตายได้ ซึ่งยังรวมถึงการรักษาที่ยากมากๆ
ภาพเอ็กซ์เรย์เท้าของคนที่ทำเท้าดอกบัว น่ากลัวสุดๆ
จากบทสัมภาษณ์ของหญิงชาวจีนคนสุดท้ายที่มีเท้าดอกบัวโดย NPR.org นั้นเธอบอกไว้ว่า “ฉันไม่สามารถเต้นได้ เดินได้อย่างปกติ แน่นอนว่าฉันเสียใจที่มีเท้าแบบนี้ แต่ในตอนนั้นถ้าไม่ทำเท้าแบบนี้ก็จะไม่มีคนมาขอแต่งงาน”
ภาพของคุณยายผู้มีเท้าดอกบัวคนสุดท้ายของโลก
ยังไงก็ตามแม้ว่าแฟชั่นดังกล่าวจะหมดไปแล้ว แต่หลายคนก็ยังคงเกิดคำถามว่า ทำไมถึงทนอยู่กับแฟชั่นความเจ็บปวดแบบนั้นและให้มีตัวตนอยู่นานเป็นพันๆ ปี พวกเขารับมันได้ยังไงกัน? น่าเสียดายที่คำตอบนี้ก็คงไม่ได้รับการไขให้กระจ่างอีกต่อไป…
เห็นแล้วน่ากลัวสุดๆ เลย
ที่มา thevintagenews
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.