ชายหนุ่มผู้ยอมเสียสละแรงกายแรงใจและเวลา เพื่อปกป้องเส้นทางเดินป่าให้คงอยู่ต่อไป…

เรื่องราวเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ของ Nick Ybarra ชายผู้ยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อนรักษาเส้นทางเดินป่าเล็กๆ ที่ทอดยาวกว่า 160 กิโลเมตรในอุทยานแห่งชาติ Theodore Roosevelt ในรัฐนอร์ทดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกา

แน่นอนว่าเส้นทางแห่งนี้เป็นที่คนไม่ค่อยรู้จักมากนัก และคนก็ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับมัน ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ต่อไปเส้นทางนี้จะหายไปตลอดกาล Nick ชายผู้ชื่นชอบในการเดินป่าปั่นจักรยานเห็นดังนั้น เขาจึงตัดสินใจจะรักษามันไว้

 

 

เขาตัดสินใจเคลียร์เส้นทางตัดหญ้าตัดกิ่งไม้ ปรับระดับพื้นดินใหม่หมดด้วยตัวเองเพื่อรักษามันไว้แม้คนอื่นจะไม่สนใจก็ตาม และคิดดูว่าเขาคนเดียวกับเส้นทางกว่า 160 กิโลเมตร ที่สำคัญยังเป็นทั้งป่าและภูเขาด้วย…

 

 

Nick เล่าว่าเขาเคยเกือบยอมแพ้หลายครั้งมากๆ ตลอดทางที่เขาตัดหญ้าเขาทำทางไป เขาก็รู้สึกว่าเขาทำไปทำไมทำไปเพื่ออะไร แดดก็ร้อนเกือบ 40 องศา เหนื่อยก็เหนื่อยเงินก็ไม่ได้ เวลาน้ำหมดก็ต้องเดินกลับไปที่รถที่ห่างไปหลายกิโลเมตร…

 

 

แต่เขาก็ยังฮึดสู้ตลอดมา ด้วยความเชื่อที่ว่าเส้นทางนี้มันไม่ควรหายไป จนกระทั่งเขาเคลียร์ทางไปจนถึงจุดที่เรียกกันว่า Devil’s Pass เขาก็ได้พบกับวิวรอบข้างที่สวยงามมากๆ ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่านี่แหละมันคุ้มค่าจริงๆ ที่ลงแรง

Nick บรรยายความรู้สึกตรงจุดนั้นว่า “พอผมได้เห็นวิวตรงนี้ ราวกับผมถูกมนตร์สะกด มันสวยงามมากๆ นี่แหละสุดยอดประสบการณ์ท่องเที่ยวเอ้าท์ดอร์ของจริงที่ทุกคนใฝ่ฝัน”

 

 

วินาทีนั้นแรงกายและแรงใจของเขาได้รับการชาร์จพลังอย่างเต็มที่ เขารู้ได้ทันทีว่าเขาต้องทำมันให้สำเร็จ แต่ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เขาก็ใช้เวลาเป็นปี และในช่วงเวลาที่เขาจัดการในระยะทางที่ไกลขึ้นเส้นทางเก่าๆ ก็จะต้องได้รับการดูแลเช่นกัน

ฉะนั้นเขาจึงต้องหาอาสาสมัครมาช่วยดูแลเส้นทางแห่งนี้ พร้อมกับต้องมั่นใจว่าคนที่มาช่วยและมาเที่ยวจะต้องได้รับประสบการณ์เดียวกับที่เขาได้รับ เขาจึงตั้งมั่นทำมันอย่างเต็มที่ คนกลุ่มแรกที่มาช่วยก็เป็นกลุ่มปั่นจักรยานของเขานั่นเอง

 

 

เขาเรียกเส้นทางนี้ว่า Maah Daah Hey ซึ่งมันหมายความว่า ‘สถานที่แห่งนี้จะอยู่ไปอีกนานเท่านาน’ และเขาก็อยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาและอาสาที่มาช่วยต่างพากันทำทางเดินป่านี้ไปแล้วกว่า 320 กิโลเมตร โดยแม้ในยามที่ฝนตกจนพัดทางของเขาหายไป พวกเขาก็จะกลับมาจัดการพร้อมกับทำใหม่อีกครั้ง

 

 

หลังจากเส้นทางนี้ทำสำเร็จ พวกเขาก็ได้เปิดให้คนเข้ามาใช้ทั้งเดินเขา ปั่นจักรยานและอื่นๆ อีกมากมาย โดยปีแรกมีคนมาเข้าร่วมกิจกรรมเพียง 40 คนเท่านั้น แต่ผ่านไป 6 ปี ตอนนี้ก็มีคนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เฉลี่ยกว่า 430 เข้าไปแล้ว Nick บอกว่ามันคุ้มค่ากับที่ลงแรงไปจริงๆ ส่วนเงินจากการเข้าร่วมกิจกรรมจะนำไปบำรุงเส้นทางต่อไป…

สุดท้ายเขาได้บอกเล่าความรู้สึกที่เขามีต่อเส้นทางแห่งนี้ว่า “ทุกครั้งที่ผมเดินผ่านเส้นทางที่ผมเริ่ม ผมรู้สึกใจหายตลอดเวลา ผมกลัวว่ามันจะหายไปและผมก็เชื่อว่าหลายคนในตอนนี้ก็คงคิดเช่นกัน”

 

 

ลองรับชมคลิปของเขาเต็มๆ ได้ข้างล่างเลย

 

ที่มา upworthy

Comments

Leave a Reply