จะเป็นยังไงถ้าคุณต้องป่วยเป็นอาการทางจิต แล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นไดโนเสาร์หรือไม่ก็สิงมีชีวิตอย่างอื่นตลอดเวลา ซึ่งคุณคงคิดไม่ออกใช่ไหม แต่มันเกิดขึ้นจริงๆ กับหญิงสาวชาวอังกฤษคนหนึ่งแล้วนั่นเอง
Lucy Evans หญิงสาววัย 18 ปี จากเมือง Aberystwyth ประเทศเวลส์ ผู้ป่วยเป็นอาการทางจิตขั้นรุนแรง ซึ่งมันส่งผลให้ในบางครั้งเธอจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นไดโนสาร์ทีเร็กซ์ที่ก้าวร้าว หรือบางครั้งก็เป็นลิงจ๋อที่อยู่ในสวนสัตว์แล้วแต่ช่วงเวลา โดยก็ผลคือมันทำให้เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
เธอบอกว่าอาการของเธอค่อยๆ รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในตอนที่คิดว่าเป็นทีเร็กซ์จะดุมากๆ นานวันเข้าก็แรงขึ้นๆ ซึ่งเธอก็ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แล้วว่าเธอป่วยเป็นโรค Anti-NMDA receptor encephalitis ซึ่งหายากมากๆ โดยจะพบแค่ 1 คน จาก 75,000 คนเท่านั้น
เธอต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่โชคยังดีที่ที่ปรึึกษาของเธอเคยเจออาการแบบนี้มาก่อนจึงสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี รวมถึงแม่ของเธอที่อยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา
เธอยังเล่าว่าเธอรู้ตัวว่าเริ่มป่วยครั้งแรกก็ตอนที่เพื่อนบ้านเริ่มเห็นเธออาเจียนและมีอาการหวาดระแวงอย่างต่อเนื่อง โดยในตอนแรกทุกคนก็เริ่มคิดว่าเธอเป็นไบโพล่าร์
แต่ทว่ากลับไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด เพราะว่าในปี 2017 อาการของเธอก็ยังดำเนินต่อไปและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงปัจจุบัน
มีช่วงหนึ่งอาการของเธอกำเริบหนักมากๆ เธอเริ่มมีอาการคลั่งอย่างรุนแรงและควบคุมร่างกายไม่ได้ ร่างกายเริ่มหายใจถี่ขึ้น
โดยในตอนแรกเธอถูกส่งไปยังโรงพยาบาล Bronglais Hospital แต่ว่าที่นี่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญโรคดังกล่าวอยู่ เธอจึงถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาล Swansea’s Morriston แทน ซึ่งที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญอยู่
Lucy เล่าว่าระหว่างทางที่เดินทางไปโรงพยาบาลนั้นเธอจำอะไรไม่ได้เลย แต่ยังดีที่พี่สาวของเธอได้อัดคลิปไว้ ซึ่งเธอร้องเพลงระหว่างทางนั่นเอง
ที่โรงพยาบาลดังกล่าว เธอเริ่มได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ อาการของเธอก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ เธอจะต้องได้รับการสแกนเนื้องอก หยอดสารสเตอรอยด์อีกวันละ 5 ชั่วโมงและอื่นๆ อีกมากมาย
แต่แม้ว่าการรักษาดูจะได้ผลดี แต่มันกลับไม่ตรงตามเป้าที่แพทย์คาดไว้ ทีมแพทย์บอกกับเธอว่าถ้าขั้นตอนที่ทำอยู่มันยังไม่เห็นผลที่ดีกว่านี้ การทำขั้นตอนต่อไปก็ไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว ทว่าเธอก็ยังได้รับการรักษาในขั้นตอนที่สามอยู่ดี
หลังจากการรักษาในโรงพยาบาลนานถึง 7 สัปดาห์ และได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก เธอจึงต้องออกจากโรงพยาบาลและกลับมาอยู่บ้านในท้ายที่สุด
หลังจากนั้นเธอจึงเริ่มการบำบัดตัวเองด้วยการเดินและอื่นๆ อีกมากมายไปทีละน้อย ซึ่งมันก็ได้ผล เธอเริ่มมีอาการที่ดีขึ้น แม้อาการเก่าๆ จะกลับมาอยู่บ้าง
เธอตัดสินใจจะจัดตั้งและรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือองค์กร The Encephalitis Society เพื่อช่วยกันคิดค้นและวิจัยการรักษาโรคที่คล้ายๆ กับอาการของเธอให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันโรคของเธอเป็นสิ่งที่หายาก และบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวกับโรคดังกล่าวก็มีจำนวนที่น้อยมากเช่นกัน
ที่มา dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.