ความรักมีได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรักกันในครอบครัว รักแบบพี่น้อง รักเพื่อน รักสัตว์ รักสิ่งของต่างๆ หรือรักแบบคนรักเองก็เช่นกัน แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าได้รักใครไปแล้ว คุณคิดไปเองหรือว่ามันเกิดขึ้นจริงกันแน่นะ?
นอกเหนือจากสิ่งที่คุณเดาเอาจากความคิดความรู้สึกแล้ว เรื่องนี้ยังสามารถทราบได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพราะร่างกายของคุณเองก็เกิดปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
ว่าแล้วก็ลองไปดูกันซะหน่อยว่าจะมีข้อสังเกตอะไรกันบ้าง
มองแต่เธอหรือเขาอยู่ตลอด
หากคุณถูกจับได้ว่าแอบมองใครสักคนอยู่ อาจหมายความว่าคุณกำลังตกหลุมรักเขาหรือเธอคนนั้นไปแล้ว เพราะว่าการที่เราจ้องอะไรสักอย่างอยู่ นั่นคือกำลังให้ความสนใจกับสิ่งๆ นั้น กับคนที่เรารักเองก็เช่นกัน
การศึกษาพบอีกว่าคู่รักที่มักจะสบตากันไม่ยอมละสายตาไปไหน แสดงว่าทั้งสองคนมีสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่าคู่ที่ไม่ได้ทำ ขณะเดียวกันหากคนแปลกหน้าสองคนสบตากันนานกว่า 1 นาที ความรักของทั้งสองอาจกำลังเบ่งบานอยู่ก็เป็นได้
รู้สึกเหมือนกำลังมึนเมา
เมามายและหลงใหลไปกับความรักนั้นคือเรื่องจริง เพราะจากการศึกษาของสถาบัน Kinsey บอกไว้ว่า สมองของผู้ที่กำลังมีความรักจะดูเหมือนสมองของคนที่เสพโคเคน ส่วนหนึ่งเกิดจากสารโดพามีน (Dopamine) ที่หลั่งออกมาเหมือนกัน ข้าวใหม่ปลามันทั้งหลายถึงได้ดูเหมือนรักกันปานจะกลืนกินยังไงละ
คิดถึงแต่คนคนนั้น
เวลาที่รักใครสักคนก็เป็นเรื่องยากที่จะเอาเขาออกไปจากสมองของเราได้ นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะก็เป็นสิ่งที่ร่างกายทำให้เราเป็นแบบนั้น เมื่อสมองหลั่งสารฟีนิลเอธิลามีน (Phenylethylamine) หรืออีกชื่อคือสารแห่งความรัก
เจ้าตัวนี้แหละที่ทำให้คุณหลงใหลในตัวของคนๆ นั้น และอาจคุ้นเคยกันดีสำหรับบางคน ในเมื่อมันเป็นสารเดียวกันกับที่มีในช็อกโกแลต ที่จะทำให้คุณไม่อาจหยุดกินมันได้เลย
ต้องการให้เขาหรือเธอมีความสุข
ความรักคือความเท่าเทียม แต่ถ้าคุณรู้สึกดีที่เห็นอีกฝ่ายมีความสุข นั่นคือสิ่งสำคัญว่าคุณกำลังตกหลุมรักไปแล้วอย่างจริงจัง จากงานวิจัยได้บอกเอาไว้ว่า ความรักที่เห็นอกเห็นใจกันและกัน เป็นหนึ่งในสัญญาณของความรักที่ดี
หมายความว่าเมื่อไหร่ที่คุณยอมเสียสละออกจากเส้นทางที่คุณตั้งไว้ เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีความสุข อย่างการยอมตื่นเช้ามาทำอาหารให้กับคนที่คุณรัก แสดงให้เห็นเลยว่าคุณจะต้องตกหลุมรักเธอไปแล้วชนิดที่ว่าถอนตัวไม่ขึ้นเลยละ
คุณจะเกิดความเครียดขึ้นได้ง่าย
แม้ว่าความรักจะเกิดจากความอบอุ่นที่มีให้กัน ทว่าภายในก็เต็มไปด้วยความเครียด เพราะร่างกายชอบที่จะหลั่งสารความเครียดชื่อว่าคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมาในตอนที่มีความรัก และทำให้คุณรู้สึกร้อนรุ่ม
เพราะฉะนั้นหากว่าคุณรู้สึกว่าความอดทนของคุณมันรู้สึกไม่คงที่ และบางครั้งก็เหมือนกับว่าคุณจะเป็นบ้า อาจไม่ใช่เรื่องเครียดที่คุณต้องแบกรับ แต่แค่รักใครบางคนอยู่ก็เป็นได้
รู้สึกเจ็บปวดน้อยลงกว่าปกติ
การตกหลุมรักไม่ใช่เรื่องที่เจ็บปวดเสมอไป เพราะหากว่าเมื่อไหร่ที่คุณตกหลุมรักใครไปโดยที่ไม่เจ็บปวดอีกละก็ นั่นหมายความว่าคุณได้มีความรักเกิดขึ้นมาแล้ว
จากการศึกษาของสถาบันการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด พบว่า ผู้ทดลองที่มองรูปภาพคนที่ตัวเองรักอยู่สามารถลดความเจ็บแบบปานกลางได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และความเจ็บแบบหนักๆ มากถึง 15 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้นหากใครชอบรอยสักก็อย่าลืมเอารูปแฟนไปนั่งมองไว้ด้วยนะ
พยายามลองสิ่งใหม่ๆ
ทุกคนอยากที่จะให้การออกเดทของครั้งแรกมีความหมายเสมอ แต่ถ้าสามารถรักษาการทำสิ่งแปลกใหม่เพื่อสนุกไปกับคู่ของคุณได้ละก็ นั่นหมายความว่าความรักของคุณยังคงเบ่งบานอยู่ตลอด
จากการศึกษาบอกว่าผู้ที่กำลังมีความรักมักจะมีความสนใจและลักษณะบุคลิกภาพที่หลากหลาย ดังนั้นหากว่าคุณไม่ชอบสิ่งไหน ก็ต้องลองไปใช้เวลากับสิ่งนั้นร่วมกับแฟนของคุณดู อาจทำให้เกิดความสนใจได้มากกว่านะ
อัตราการเต้นของหัวใจประสานกันกับของอีกฝ่าย
Davis ผู้วิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ทำการศึกษาและบอกว่า คู่รักนั้นจะมีจังหวะการเต้นของหัวใจที่เหมือนกัน ทว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถรับรู้ได้ จากการฟังเสียงเต้นไม่กี่ครั้ง สารสัมพันธ์ที่มีให้กันอย่างลึกซึ้งอาจเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีกว่านะ
ไม่มีปัญหากับสิ่งที่น่าขยะแขยง
จากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Groningen ในเนเธอร์แลนด์เองก็บอกว่า ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นจากเพศตรงข้าม จะอยู่เหนือความรู้สึกขยะแขยงสิ่งรอบตัว
ดังนั้นถ้าหากคุณขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักสะอาดเอามากๆ แต่กลับโอเคที่จะจูบแฟนหลังจากที่อีกฝ่ายเพิ่งแคะจมูกมา นั่นแสดงว่าคุณกำลังมีความรักอยู่อย่างแน่นอน
เหงื่อออกมากกว่าปกติ
ความรู้สึกสะอิดสะเอียนหรือชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถ้าไม่ได้เกิดจากท้องไส้ที่ไม่ค่อยดีของคุณ ก็อาจเกิดจากคุณมีความรักอยู่ก็ได้ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กำลังตกหลุมรักจะรู้สึกป่วย และมีเหงื่อออกเยอะคล้ายกับตอนที่กำลังเครียดหรือกดดัน
ทว่าเรื่องนี้จะหายไปเมื่อทั้งสองฝ่ายสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ดีแล้ว ดังนั้นอย่าลืมพกผ้าเช็ดหน้าไปในตอนเดทครั้งแรกด้วยนะ
คุณรักในนิสัยใจคอของคนคนนั้น
หากว่าคุณต้องการที่จะรู้จักกับใครสักคน คุณจะต้องหาโอกาสพูดคุยและรับรู้สิ่งที่เธอหรือเขาคนนั้นเป็น และเมื่อไหร่ที่คุณยอมรับกับเรื่องเหล่านั้นได้ แสดงว่าคุณได้ตกหลุมรักเขาคนนั้นไปแล้ว
การศึกษาพบว่าแนวคิดหรือนิสัยเล็กๆ เพียงอย่างเดียวของคนคนหนึ่ง สามารถทำให้อีกฝ่ายตกหลุมรักไปได้มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่เห็น ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะตัดสินใครไปในการพบกันครั้งแรก ทว่าหากคุณสามารถยอมรับและชื่นชอบนิสัยใจคอของคนนั้นแล้ว นั่นคือการก่อตัวของความรักนั่นเอง
และนี่ก็คือ 11 สัญญาณที่ร่างกายสร้างขึ้น และสามารถบอกได้ว่าคุณกำลังตกหลุมรักใครอยู่หรือเปล่า ถ้าหากรู้ตัวแล้วก็อย่าปล่อยให้โอกาสที่จะได้ทำความรู้จักคนคนนั้นมากขึ้นหลุดมือไปนะ
ที่มา: thisisinsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.