เมืองที่มีมาอย่างยาวนานและถูกทิ้งร้างไป มักจะเต็มไปด้วยสภาพที่ทรุดโทรม ไม่น่าเข้าไปใกล้หรืออยู่อาศัยกันในละแวกนั้นซักเท่าไหร่
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดกับหมู่บ้าน Batsto เพราะถึงแม้ว่าจะถูกสร้างมานานมากแล้ว ตั้งแต่ในปี 1766 ยาวนานมาจนถึงผู้อยู่อาศัยคนสุดท้ายที่ออกไปจากที่นี่ในปี 1989 ทว่ามันก็ยังคงความสวยงามและเก่าแก่อยู่เสมอ
ตึกรามบ้านช่องต่างๆ นอกจากจะยังคงดูพร้อมใช้งานเหมือนกับมีคนอยู่อาศัยมาตลอดแล้ว ทุกสิ่งก่อสร้างยังคงมีความคลาสสิค ไม่มีความร่วมสมัยเหมือนกับตึกในสมัยนี้เลยแม้แต่น้อย เหมือนกับที่หมู่บ้านนี้เป็นมาตั้งแต่แรก
อาคารนอกประจำหมู่บ้าน
หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา เป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์แห่งชาติเมือง Pinelands และได้รับการปกป้องโดยกรมคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สวนสาธารณะและป่าไม้ของรัฐ จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เมืองนี้ยังคงน่าอยู่เสมอ ปราศจากคนเข้ามารุกราน
ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของสถานที่นี้เริ่มต้นมาจาก Charles Read ช่างตีเหล็กผู้โด่งดัง เข้ามาสร้างโรงงานเป็นของตัวเองใกล้กับแม่น้ำ Batsto ในเวลานั้นพื้นที่โดยรอบถูกเต็มไปด้วยแร่หินต่างๆ ตามธรรมชาติมากมาย
แม่น้ำ Batsto ที่ตัดผ่านหมู่บ้าน
นอกจากนั้นทรัพยากรที่จำเป็นก็หาได้ง่ายมาก ใช้น้ำจากแม่น้ำหรือตามบึงรอบๆ ไม้เยออะแยะที่มีอยู่ในป่าใหญ่ และสิ่งจำเป็นสำหรับการตีเหล็กมีอยู่ที่นี่ทั้งหมด ทำให้โรงงานเติบโตได้ดีจนต้องมีลูกจ้างเข้ามาช่วย สิ่งปลูกสร้างเป็นอันดับแรกนอกเหนือจากที่ทำงาน จึงเป็นบ้านพักอาศัยของคนเหล่านั้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้กลายเป็นหมู่บ้านที่สามารถพึ่งพาตนเองได้
จากตอนแรกที่สร้างเพียงแค่ของใช้ภายในบ้าน แต่โรงงานแห่งนี้ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จน John Cox ได้เข้าซื้อโรงงาน และเปลี่ยนให้เป็นโรงงานผลิตยุทโธปกรณ์ทั้งหลายให้กับกองทัพภาคพื้นทวีป ในช่วงปฏิวัติอเมริกา
ที่ทำการไปรษณีย์ยังคงพร้อมใช้งานได้จริง
ต่อมาโรงงานและหมู่บ้านก็ถูกครอบครองโดย William Richards และครอบครัวเข้ามาครอบครองไปนานกว่า 91 ปี ในช่วงนั้นเองที่พวกเขาได้สร้างเอกลักษณ์และความเป็นอยู่ของที่นี่ให้เป็นอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่บ้านเช่ามากมายสำหรับลูกจ้าง และสถานที่อำนวยความสะดวกจัดการทรัพยากรต่างๆ เช่นคอกม้า โรงนา รวมถึงโรงสีข้าว
ตึกแมนชั่นประจำหมู่บ้าน
.
ทว่าในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 หมู่บ้านนี้ก็ต้องประสบปัญหา ความต้องการเหล็กจากผู้ซื้อลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะมีการค้นพบถ่านหินในเพนซิลเวเนีย ทำให้ที่นี่หันมาประกอบธุรกิจผลิตแก้ว และเป็นที่รู้จักในเรื่องของหน้าต่างที่ทำจากกระจก แต่เพียงไม่นานหมู่บ้านนี้ก็ต้องเจอกับการล้มละลาย
บ้านพักที่เรียงกันเป็นแถว
เจ้าของหมู่บ้านนี้คนสุดท้ายเป็นนักอุตสาหกรรม และธุรกิจจากเมืองฟิลาเดลเฟีย ชื่อว่า Joseph Wharton เข้ามาในปี 1876 เขาพยายามที่จะช่วยเหลือหมู่บ้านด้วยทรัพยากรที่มีอยู่โดยรอบ พัฒนาสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และนำธุรกิจอื่นๆ เข้ามาเสริม เช่น การปลูกแครนเบอร์รี่และการทำป่าไม้
รถม้าก็ยังคงหลงเหลืออยู่
น่าเสียดายที่ทุกอย่างไม่เพียงพอให้หมู่บ้านนี้เอาตัวรอดไปได้ และเมื่อเขาตายลงไปในปี 1909 บริษัท Girard Trust ก็เข้ามาดูแลที่นี่แทน กระทั่งช่วงปลาย 1950s ทางรัฐได้ทำการซื้อที่นี่เอาไว้สำหรับแผนการพัฒนา ทำให้ยังคงมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่กันต่อไป แต่ท้ายสุดแล้วก็ไม่อาจมองเห็นอนาคตจากที่แห่งนี้ได้เลย
จนในปี 1989 ผู้อยู่อาศัยคนสุดท้ายย้ายออกไป ทำให้ไม่เหลือผู้อยู่อาศัยอีกเลย และกลายเป็นเมืองผีสิงมากกว่าเมืองร้าง เพราะยังคงสภาพเอาไว้ได้ มีผู้เข้าไปเดินเที่ยวมากมาย ชมความงามของสถานที่ในประวัติศาสตร์และความทรงจำที่ผ่านมานานกว่า 250 ปี เหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไป ในเมื่อไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเลย
โรงเก็บน้ำประจำหมู่บ้าน
หากใครสนใจก็สามารถบินข้ามไปอเมริกา เพื่อเดินเล่นในสถานที่อันแสนสงบเงียบและเก่าแก่แห่งนี้กันได้เลยนะ แต่ไม่แน่ว่ามันอาจมีบางอย่างคอยดูแลสถานที่แห่งนี้อยู่ก็ได้
ที่มา: abandonedspaces
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.