Jack The Ripper เป็นคนที่มักจะถูกนำไปอ้างชื่อในคดีฆาตกรรม รวมทั้งหนังสืบสวน สอบสวน หรือแม้แต่ในการ์ตูนโคนันเองก็เคยปรากฏชื่อนี้เหมือนกัน
แน่นอนว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่า Jack The Ripper เป็นใครกันแน่? แล้วทำไมถึงต้องมีการกล่าวอ้างชื่อของเขาบ่อยขนาดนี้?
Jack The Ripper เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมานับครั้งไม่ถ้วนในประเทศอังกฤษ แต่กลับไม่มีใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของฆาตกรรายนี้เลย และยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ David Bullock ผู้เป็นนักเขียน จึงได้เริ่มค้นคว้าเรื่องของ Jack the Ripper เมื่อ 26 ปีที่แล้ว และค้นพบว่าชายที่ชื่อ Thomas Cutbush นั้น เข้าข่ายเป็นฆาตกรต่อเนื่องรายนี้มากที่สุด
ผู้เขียนได้เข้าถึงข้อมูลของ Cutbush จากโรงพยาบาลจิตเวช Broadmoor จนทำให้เขาค้นพบแผนการฝังศพของครอบครัวหนึ่งในสุสาน Nunhead Cemetery ซึ่งเชื่อว่า Cutbush ยังใช้ที่นั่นเป็นที่พักอาศัยด้วย
Thomas Cutbush
ในหนังสือ “The Man Who Would Be Jack” Bullock เขียนไว้ว่า “คนมักจะคิดว่าเขาเสียชีวิตใน Broadmoor แต่เมื่อดูจากแฟ้มประวัติของทางโรงพยาบาลผมกลับพบว่าเขาไม่ได้ถูกฝังอยู่ที่นั่น”
“นับตั้งแต่เริ่มค้นข้อมูลของ Cutbush ผมพยายามหาจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของชีวิตของเขา แต่ทั้งสองอย่างนี้คือจิ๊กซอว์ที่หายไป และยังไม่มีใครได้รู้”
“ในขณะเดียวกันผมค้นพบสุสานที่สมาชิกครอบครัวของเขาถูกฝัง ก็เลยคิดว่าเขาน่าจะถูกฝังในที่เดียวกันนี้ด้วย”
David Bullock ผู้เป็นนักเขียนและศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ Jack The Ripper
ย้อนกลับไปที่คดีของ Jack the Ripper เขาได้ลงมือฆาตกรรมโสเภณี 5 คน ในพื้น Whitechapel ของกรุงลอนดอนปี 1888 แต่ตำรวจไม่สามารถระบุตัวตนของเขาได้เลย
Bullock บอกว่า “ตอนนั้นมีผู้ต้องสงสัยมากกว่าหนึ่งร้อยคน แต่เมื่อทำการสำรวจเชิงลึก ปรากฏว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถก่อเหตุแบบนั้นได้ และ Cutbush มีลัษณะที่ตรงกับผู้ต้องสงสัยทุกข้อ”
“เขาทำงานอยู่ที่ Whitechapel ดังนั้นเขาจึงรู้ทุกซอกทุกมุมของที่นี่ดี ข้อบ่งชี้ที่สำคัญคือเขาเกลียดโสเภณีและครอบครัวตัวเอง”
“นอกจากนี้เพื่อนๆ ของเขายังบอกอีกว่า Cutbush น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะเขามักจะหมกมุ่นอยู่กับวิธีการทางการแพทย์ การผ่าตัด และกายวิภาคศาสตร์”
ไม่เพียงแค่นั้น Bullock ยังบอกอีกว่า “Cutbush ได้ศึกษาหนังสือทางการแพทย์ด้วยตัวเอง วาดภาพการผ่าตัด และมักจะบอกคนอื่นๆ ว่าเป็นหมอ ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็น”
“ส่วนความสัมพันธ์เกี่ยวกับโสเภณีนั้น ได้รับการยืนยันจากทางครอบครัวของเขาว่า เขาเชื่อว่าตัวเองติดโรคจากหนึ่งในเหยื่อ และเพราะคิดว่าตัวเองเป็นหมอ ก็เลยใช้ยารักษาตัวเอง โดยใช้ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นๆ จนในที่สุดร่างกายเขาก็ทรุดลง”
“ต่อมาในปี 1891 เขาถูกจับขณะที่ลงมือทำร้ายผู้หญิงสองคน และเรื่องราวของการฆาตกรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย…”
Bullock ยืนยันว่าเขาได้วิเคราะห์ทั้งหมดนี้อย่างเป็นกลาง และไม่สร้างหลักฐานขึ้นมาเองเพื่อให้เข้ากับการก่อเหตุฆาตกรรม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผู้คนรู้จักตัวตนของ Jack The Ripper มากขึ้น
สำหรับหนังสือ The Man Who Would Be Jack ที่ Bullock ใช้เวลาศึกษาและเขียนมานานถึง 26 ปี ตอนนี้พร้อมวางจำหน่ายแล้ว ใครที่สนใจเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องคนนี้สามารถหาซื้อมาอ่านได้ค่ะ
ที่มา unilad
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.