บางครั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศก็มักจะเผยให้เห็นสิ่งต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ อย่างเช่นเมืองที่จมอยู่ใต้ทะเล หรืออารยธรรมโบราณที่ซ่อนอยู่ในหุบเขา ซึ่งนอกจากจะเผยให้ความสวยงามทางประวัติศาสตร์แล้ว บางครั้งยังมีโบราณวัตถุและเรื่องราวต่างๆ ให้พวกเราได้เรียนรู้อีกด้วย
เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปี 2015 หลังจากที่ระดับน้ำในทะเลสาบดีทรอยต์ได้ลดลง มันได้เผยให้เห็นซากของเมืองโบราณที่จมอยู่ในนั้นมาเป็นเวลานาน เมืองเก่าแห่งนี้ถูกจมลงได้ทะเลสาบ หลังจากที่มีการสร้างเขื่อนดีทรอยต์ เมื่อช่วงปี 1880
ซากของรถขนส่งสินค้าที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้
“ผมถือโอกาสมาที่ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ระดับน้ำลดลง การได้เห็นข้าวของต่างๆ ที่จมอยู่มันเหมือนกับได้เห็นขุมทรัพย์เลยทีเดียว ผมเห็นวัตถุโบราณชิ้นหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ได้ดีเลย” คุณ Dave Zahn รองนายอำเภอของเมือง Marion County กล่าว
ผู้คนกว่า 200 คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ถูกอพยพออกไประหว่างปี 1880 ถึง 1952 ทิ้งไว้แต่เพียงเครื่องมือและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และการสร้างเขื่อนในครั้งนั้นก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นทะเลสาบดีทรอยต์
ในทุกๆ ช่วฤดูหนาวจะมีการระบายน้ำในเขื่อน ซึ่งจะเผยให้เห็นซากของเมืองเก่าที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้ ปริมาณของออกซิเจนที่ต่ำช่วยรักษาสภาพของวัตถุต่างๆ ที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบได้เป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามรถบรรทุกสินค้าที่พบในครั้งนี้ไม่มีบันทึกว่าเคยถูกค้นพบมาก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่งระดับน้ำที่ลดต่ำนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1969 เลยทีเดียว
สภาพของเมืองเก่าที่ถูกทิ้งไว้ใต้ทะเลสาบ ก่อนจะมีการสร้างเขื่อน
“เท่าที่ผมรู้รถบรรทุกสินค้าคันนี้ยังไม่ถูกค้นพบมาก่อน น้ำในทะเลสาบไม่เคยลดลงมาเยอะขนาดนี้มาก่อน คงไม่มีใครเคยเห็น หรือย้ายเอามันมาทิ้งไว้ที่นี่แน่ๆ ” คุณ Cara Kelly นักโบราณคดีชาวสหรัฐกล่าว
นอกจากนี้ยังมีการค้นพบหลุมแปดเหลี่ยม ที่อยู่ใกล้ๆ กับรถบรรทุกสินค้าคนดังกล่าวอีกด้วย แต่ทางผู็เชี่ยวชาญยังไม่สามารถระบุได้ว่าหลุมดังกล่าวนั้นคืออะไรกันแน่
หลุมที่ค้นพบใกล้ๆ กับรถบรรทุกสินค้า
คุณ Cara Kelly ได้ให้สัมภาษณ์กับวารสาร Statesman Journal รถบรรทุกสินค้าคันดังกล่าวอาจจะได้รับความเสียหายได้หลังจากที่มันโผล่ขึ้นมาบนบก และตอนนี้ตำแหน่งของรถคันดังกล่าวก็ยังคงถูกเก็บเป็นความลับเพื่อป้องกันความเสียหายจากการบุกรุก
“ฉันคิดว่ารถคันดังกล่าวอาจได้รับความเสียหายหลังจากที่มันถูกรักษาไว้ใต้น้ำมาเป็นเวลาหลายปี ผู้คนอาจจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญของมัน และพวกเขาอาจจะทำให้รายละเอียดทางประวัติศาสตร์บางอย่างหายไปก็ได้” คุณ Kelly กล่าว
ที่มา outdoorrevival
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.