บ่อยครั้งที่เราได้นำเสนอการถ่ายภาพของชาวต่างชาติ ที่มักจะนำภาพเก่ามาเทียบกับภาพปัจจุบันเพื่อให้เกิดเป็นภาพถ่ายแนวโลกคู่ขนาน
แต่คราวนี้เจ๋งกว่าทุกทีที่เคยมีมา เพราะทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคุณ ศิริพงศ์ ผการัตน์สกุล ที่ส่งเรื่องราวมาให้เรานำเสนอ… สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เอาเป็นว่าเราไปชมภาพโลกคู่ขนานจากสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครฯ กันเล๊ยย
“แรงบันดาลใจเริ่มจากการที่ผมชอบอดีตกาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทุกครั้งที่คิดถึงมันๆ ก็เต็มไปด้วยความน่าฉงนอันหอมหวล ทั้งหมดผมเริ่มจากการหาภาพในอินเตอร์เน็ต จากนั้นก็เอาไปล้างอัดรูปออกมา เสร็จแล้วก็วางแผนเดินทางตามจุดหมายที่วางไว้เลยครับ” พี่ศิริพงศ์ให้สัมภาษณ์
เส้นถนนเจริญกรุง เดิมทีถูกเรียกว่า ‘New Road’ เนื่องจากมีชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่มาก ต่อมาจึงมีการพระราชทานนามถนนว่า ‘เจริญกรุง’ เพื่อสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น
ห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ส ตั้งตามชื่อของ Mrs.Jennie Neilson Hays ซึ่งเป็นภรรยาของหมอที ฮาวาร์ด เฮย์ส ซึ่งเป็นแพทย์ใหญ่ในกรมการแพทย์ทหารเรือไทย
วัดอรุณราชวราราม หรือที่นิยมเรียกกันว่า ‘วัดแจ้ง’
แม่น้ำเจ้าพระยา
สะพานพระพุทธยอดฟ้า เป็นสถานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 เนื่องในโอกาสสถาปนากรุงเทพฯ ครบ 150 ปี
.
ศาลาเฉลิมกรุง หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า โรงมหรสพหลวง
เฉลิมกรุงสโตร์
สะพานหัน ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการแบ่งร้านค้าออกเป็นห้องเล็กๆ ตั้งอยู่บนสะพาน สาเหตุที่ใช้ชื่อสะพานหัน เพราะมีด้านหนึ่งที่สามารถเปิดให้เรือใหญ่ผ่านไปได้
เสาชิงช้า เดิมเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีตรียัมพวายตรีปวาย ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ต่อมาพิธีโล้ชิงช้าถูกยกเลิกไปในช่วงรัชกาลที่ 7
คลองโอ่งอ่างซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างพระนครกับเขตสัมพันธวงศ์กรุงเทพมหานคร
ห้าง รัตนมาลา จำกัด แยกพาหุรัด เมื่อพ.ศ. 2463
ถนนจักรเพชร
สะพานพิทยเสถียรถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในช่วงพ.ศ. 2363 เกิดโรคห่าระบาดครั้งใหญ่ ในตอนนั้นยังไม่มีวิธีรักษา ทำให้มีคนตายนับ 30,000 คน มีศพกองอยู่ตามวัดเนื่องจากนำไปเผาและฝังไม่ทัน
พระเจดีย์ภูเขาทอง
ภาพของรถลากขนส่ง หรือที่ขนในสมัยนั้นเรียกกันว่ารถเจ๊ก เพราะเนื่องจากมีชาวจีนจำนวนมากทำอาชีพนี้ในสมัยนั้น
รถรางที่กำลังวิ่งผ่านบริเวณหน้าวัดโพธิ์
ครั้งหนึ่งเมื่อน้ำท่วมกรุงเทพฯ ในปีพ.ศ. 2485 หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า
ป้อมมหากาฬ ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2326 ในช่วงรัชกาลที่ 1-4 ถูกใช้เป็นบ้านพักของขุนนางชั้นสูงหลายท่าน
สำหรับใครที่อยากชมภาพพร้อมรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปติดตามได้ที่เฟซบุ๊กของพี่ Siriphong Pakaratsakun เลยจ้า ยังไงพวกเราต้องขอขอบคุณพี่เค้ามากๆ ด้วยนะที่นำภาพเจ๋งๆ มาฝากให้เราได้ชมกัน
เรียบเรียงโดย #เหมียวบ็อบ
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.