ย้อนกลับไปเมื่อประมาณซัก 20 ปีก่อน เป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกลุ่มนึงร่วมกันสร้างเว็บ Google ซึ่งนั่นก็เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ “ทามาก็อตจิ” กลายเป็นปรากฏการณ์ที่พลิกโฉมยกระดับเทคโนโลยีโลก
จากนั้นเพียงไม่กี่สิบปีต่อมา เทคโนโลยีต่างๆ ก็ได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดและรวดเร็ว พฤติกรรมหลายอย่างของเราถูกผูกติดกับเทคโนโลยีล้ำสมัยมากขึ้น และทั้งหมดนี้คือ 42 ภาพที่จะเปรียบเทียบให้เห็นว่า เทคโนโลยีแห่งมนุษยชาติได้พัฒนามาก้าวไกลขนาดไหน..!?
ภาพของ iPhone รุ่นแรกสุดที่วางอยู่ข้างโฆษณา iPhone 3G
จากนั้นไม่กี่ปีต่อมา.. บริษัทแอปเปิ้ลก็ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือของเราไปตลอดกาล
รูปร่างหน้าตากล่องข้อความของ iPhone รุ่นแรกสุด
10 ปีต่อมา iPhone X สามารถเปลี่ยนอารมณ์บนใบหน้าของคุณ ให้กลายเป็น Emoji ที่สามารถพูดได้
ยุคก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต การจะจองตั๋วเครื่องบินต้องเดินทางไปที่บริษัทเอเจนซี่ หรือโทรฯ หาสายการบินเท่านั้น
ปัจจุบันมีแอพฯ มากมายที่ช่วยให้คุณเดินทางไปได้รอบโลกเพียงปลายนิ้วสัมผัส
สมัยที่ยังมีแค่กล้องดิจิตอล การจะถ่ายเซลฟี่แต่ละทีเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องยืนหน้ากระจกหรือไม่ก็เล็งหันกล้องแบบนี้เอา
ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน และรูปแบบของโซเชียลมีเดีย การถ่ายเซลฟี่จึงเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้ทุกคน
24 มกราคม 1984 เป็นครั้งแรกที่เครื่อง Mcintosh ได้เปิดตัววางขายบนท้องตลาดอย่างเป็นทางการ
จากวันนั้นถึงวันนี้หลายๆ อย่างก็ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และนี่คือ iMac รุ่นปัจจุบัน
ปี 1990 ทีมวิจัยของ Tom Caudell ได้ทดสอบเครื่องสร้างภาพจำลองเป็นครั้งแรก
กว่า 20 ปีผ่านไป วิทยาการ AR (Augmented Reality) ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเราเป็นที่เรียบร้อย
ปี 1968 นักวิทยาศาสตร์ Ivan Sutherland ได้ทดลองสร้างเครื่อง VR เป็นครั้งแรก
คล้ายคลึงกับนวัตกรรม AR ที่ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ทุกครัวเรือน
ในปี 1998 ห้องเรียนในสหรัฐฯ ทั้งหมดที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตมีเพียง 51% เท่านั้น และตัวเลขก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 94% ในปี 2005
ปัจจุบันอินเตอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งพื้นฐานที่ต้องมี บวกกับเทคโนโลยี AR และ VR ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน
นี่คือหน้าตาของเว็บไซต์กูเกิ้ลเมื่อปี 1998
จากเสิร์ชเอ็นจิ้นธรรมดาๆ ปัจจุบันกูเกิ้ลได้พัฒนากลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตผู้คนทั่วโลก (เรียนจบได้เพราะ Google เลยนะ)
รูปแบบหน้าตาของเว็บไซต์ Netflix หลังเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2005
ปัจจุบัน Netflix กลายเป็นเว็บไซต์สตรีมมิ่งหนังที่ใหญ่ที่สุด และได้รับความนิยมมากที่สุด
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 เมืองดูไบมีเพียงแค่ภาพของการก่อสร้างและความแห้งแล้ง
ปัจจุบันดูไบกลายเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เต็มไปด้วยความเพียบพร้อมในทุกๆ ด้าน
ส่วนนี่ก็คือภาพของชายฝั่งในเมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อปี 1980
หลายสิบปีผ่านไป ปัจจุบันอาบูดาบีกลายเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นี่คือภาพถ่ายจากดาวเทียมของเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อปี 1984
เปรียบเทียบกับภาพจากดาวเทียมเมื่อปี 2016 ชี้ให้เห็นถึงการขยายตัวและการพัฒนาทางเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด
นี่คือสภาพของย่านผู่ตง ในเมืองเซี่ยงไฮ้ เมื่อปี 1987
และนี่คือภาพเมืองผู่ตงเมื่อปี 2013
มาฝั่งนิวยอร์กกันบ้าง นี่คือสภาพของเมืองในปี 1964
ปัจจุบันตึก One World Trade Center คือตึกที่สูงที่สุดในมหานครนิวยอร์ก และสหรัฐอเมริกา (เพื่อรำลึกและไว้อาลัยแด่ผู้เสียหายในเหตุการณ์ 9/11)
ภาพการก่อสร้าง London Eye เมื่อปี 1998
ก่อนจะเปิดให้บริการต่อมาในปี 2000 และเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “Coca-Cola London Eye” อย่างเป็นทางการในปี 2015
สภาพบ้านเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อปี 1970
หากเทียบกับภาพปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่านวัตกรรมทางเทคโนโลยีต่างๆ มีส่วนช่วยให้สภาพบ้านเมืองถูกพัฒนาไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน
ในปี 1995 จากผลสำรวจพบว่ามีประชาชนในสหรัฐฯ เพียง 9% เท่านั้นที่ทำงานจากที่บ้าน
ปัจจุบันตัวเลขของคนที่ทำงานจากที่บ้านเพิ่มสูงขึ้นถึง 43% และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
ปี 1964 ญี่ปุ่นได้เปิดตัวรถไฟความเร็วสูงขึ้นเป็นครั้งแรกพร้อมกับเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิค ซึ่งในขณะนั้นมันสามารถทำความเร็วได้สูงถึง 225 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ปัจจุบันรถไฟที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลกคือ Maglev ทำความเร็วได้ 429 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมเส้นทางจากจีนสู่หลายๆ ประเทศทางฝั่งยุโรป
เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ การที่ผู้โดยสารจะเรียกแท็กซี่ก็ต้องออกมายืนโบกมือให้เมื่อย
แต่ปัจจุบันมีหลายๆ บริษัทที่ให้บริการด้านนี้ผ่านสมาร์ทโฟน เช่น Uber, Grab และอื่นๆ ที่ช่วยให้ชีวิตเราสบายง่ายขึ้นอีกหลายเท่า
ปี 2009 บริษัท Google ได้ประกาศสร้างรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ และคาดว่าจะใช้ได้จริงในปี 2020
เพียง 7 ปีต่อมา รถขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Google ได้ทดสอบวิ่งไปแล้วมากถึง 2 ล้านไมล์ ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา
ราวกับว่าจินตนาการที่เคยมีเล่นๆ ในหนังหรือการ์ตูน ได้กลายเป็นเรื่องจริงแล้วยังไงยังงั้น…
ที่มา: IN
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.