ถ้าพูดถึงพลังวิเศษอะไรซักอย่าง หลายคนอาจจะนึกถึงพลังอะไรซักอย่างที่มันดูเว่อร์วังอลังการเหมือนในหนังซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ
ซึ่งอันที่จริงเราไม่จำเป็นต้องเป็นฮีโร่เราก็มีพลังวิเศษได้เหมือนกัน เพราะทั้งหมดนี้คือ 16 เรื่องจริงเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์เราเอง ที่จะทำให้รู้สึกว่านี่ร่างกายของเราก็มีพลังวิเศษเหมือนกันนะเนี่ย!!
1. สมองมนุษย์เก็บความจุได้ทั้งหมด 1 petabyte
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ได้ทำการค้นพบพื้นที่ในส่วนที่เรียกว่า ‘synapse’ (ช่องว่างระหว่างเซลล์ประสาท) และได้ค้นพบว่าสมองเรามีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 1 petabyte หรือเท่ากับ 1,000 terabyte เลยทีเดียว
2. โรคหัวใจมีโอกาสเกิดขึ้นในวันจันทร์มากกว่าวันอื่นๆ
งานวิจัยจากนักวิทย์ฯ ชาวสวีเดน ได้ทำการเก็บข้อมูลและพบว่าความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจจะมีโอกาสขึ้นในวันจันทร์ และช่วงเทศกาลสำคัญอย่างคริสต์มาสหรือวันหยุดปีใหม่
ในขณะที่วันเสาร์ และช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ถือว่าเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้น้อยที่สุดเช่นกัน
3. ตามหลักโครงสร้างแล้ว…กระดูกเราแข็งแกร่งกว่าคอนกรีต!!
กระดูกมนุษย์เรามีความวิเศษอย่างหนึ่งก็คือ มันมีความแข็งที่สามารถยืดหยุ่นได้ภายในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนประกอบหลักของกระดูกกว่า 60% มาจาก แคลเซียมไฮดรอกซีอะ
4. ต้องเบิร์นแคลอรี่มากถึง 7,700 กิโลแคลฯ เพื่อที่จะลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
เมื่อเราปรับโหมดร่างกายเข้าสู่การออกกำลังกาย ไขมันส่วนเกินต่างๆ จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ก่อนจะถูกขับออกมาจากการใช้พลังงานในร่างกาย
และถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัมภายในรอบเดียวละก็ คุณอาจจะต้องวิ่ง 10 ชั่วโมง หรือไม่ก็ว่ายน้ำ 16 ชั่วโมง เพื่อที่จะเผาผลาญได้ถึง 7,700 กิโลแคลฯ
5. พื้นที่ในปอดของมนุษย์มีขนาดเท่ากับสนามเทนนิส
โครงสร้างปอดของเราจะประกอบไปด้วยถุงลมขนาดเล็กจำนวนมาก และถ้าหากนำพื้นที่ของถุงลมขนาดเล็กภายในปอดทั้งหมดมารวมกัน ก็จะได้เท่ากับพื้นที่ของสนามเทนนิสเลยล่ะ
6. อาการสะอึกสามารถอยู่ได้นานเป็นปีๆ
ดูเหมือนว่าผู้ชายมีโอกาสที่จะเจอกับปัญหานี้ได้มากกว่าผู้หญิง.. ครั้งหนึ่ง Charles Osborne ได้รับการบันทึกลงในสถิติกินเนสบุ๊ก ให้เป็นบุคคลที่มีอาการสะอึกยาวนานที่สุดในโลก (68 ปี) ทว่าจู่ๆ วันหนึ่งอาการสะอึกก็หายไปดื้อๆ ซะงั้น!?
7. มนุษย์เราอาจมีประสาทสัมผัสที่มากกว่า 5 อย่าง
รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส อาจไม่ใช่ 5 ประสาทสัมผัสที่เราเคยเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ได้มีการแบ่งประสาทสัมผัสไว้มากกว่า 9 – 20 อย่าง
ยกตัวอย่างเช่น… การรับรู้ด้านเวลา, การรับรู้ด้านอุณหภูมิ, การรับรู้แห่งการทรงตัว (ไม่ให้ล้ม) หรือจะเป็น การรับรู้ทางอวัยวะเฉพาะส่วน (คือการที่เราลูบๆ คลำๆ ในห้องมืดแล้วรู้ว่ามันคืออวัยวะส่วนไหนนั่นแหละ)
8. กระจกตาคือพื้นที่เดียวของร่างกายที่ไม่มีเส้นเลือด
เพราะไม่มีเส้นเลือดกระจกตามนุษย์เราจึงมีความโปร่งใส และสาเหตุหนึ่งนั่นก็เพราะมันถูกใช้สำหรับการป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการมองเห็นของเรา
9. เด็กทารกส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมตาสีฟ้า
ทารกส่วนใหญ่มักจะเกิดมาพร้อมกับนัยตาที่มีสีฟ้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่เรียกว่า ‘เมลานิน’ ก็จะค่อยๆ ปรับสภาพสีของดวงตา ยิ่งมีเมลานินมากนัยน์ตาก็จะยิ่งมีสีเข้มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
10. ตัวอ่อนในครรภ์ช่วยฟื้นฟูร่างกายคุณแม่ได้
มีการยืนยันแล้วว่ากว่า 50% ของผู้หญิงที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจ จะมีสุขภาพที่ดีเป็นปกติอย่างน่าแปลกใจเมื่อพวกเธอตั้งท้อง ซึ่งวิทยาศาสตร์ได้อธิบายไว้ว่า สาเหตุก็มาจากสเต็มเซลล์ที่อยู่ในตัวทารกนั่นเอง
11. ผู้หญิงกระพริบตามากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า
นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่า สาเหตุก็มาจากฮอร์โมนที่เรียกว่า ‘เอสโตรเจน’ ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ถูกผลิตมาจากรังไข่ และจะมีมากโดยเฉพาะในช่วงที่ผู้หญิงเป็นประจำเดือน
12. ที่เราปิดตาตอนเวลาจามก็เพื่อป้องกันแบคทีเรีย
คงไม่มีใครที่สามารถจามทั้งๆ ที่ลืมตาอยู่ได้… และหลายคนอาจคิดว่าถ้าเราจามแบบนั้นลูกตาเราอาจถลนออกมาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วสาเหตุที่ร่างกายปิดตาโดยอัตโนมัติก็เพียงเพื่อป้องกันแบคทีเรียจากภายนอกเท่านั้นเอง
13. ในตอนเช้าคนเราจะสูงกว่าตอนเย็น 1 ซม.
นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่านี่คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎของแรงโน้มถ่วง เพราะตอนเช้าคือเวลาที่เราตื่นออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน การยืนตัวตั้งตรงกับพื้นโลกจึงทำให้เรามีความสูงเพิ่มขึ้น
ในขณะที่ตอนกลางคืน (ตอนนอน) ร่างกายเราจะขนานกับพื้นโลก จึงทำให้ความสูงของร่างกายเราลดลงอีก 1 ซม.
14. หูของมนุษย์สามารถได้ยินการเคลื่อนไหวของโมเลกุลได้
ถ้าอยากทดสอบดูว่าจริงหรือไม่? ให้คุณปิดตาให้สนิท อยู่ในห้องเงียบๆ และให้คนใกล้ตัวช่วยเทน้ำเย็น และน้ำร้อนอย่างละแก้ว จากนั้นคุณจะได้ยินความแตกต่างของเสียงโมเลกุลน้ำเย็น และน้ำร้อน
15. ไม่มีการออกกำลังกายใดที่ช่วยลดหน้าท้องได้โดยตรง
จริงอยู่ที่ซิกแพคส์สร้างได้จากการออกกำลังกาย แต่นักวิทยาศาสตร์กลับชี้ว่าในความเป็นจริงแล้วไม่มีการออกกำลังกายใดที่เน้นการสร้างกล้ามท้องโดยตรง อีกทั้งปัจจัยการมองเห็นซิกแพคส์บนหน้าท้องของเราก็ขึ้นอยู่กับจำนวนไขมันส่วนเกินที่สะสมไว้ตามร่างกายด้วย
16. ดวงตาเราสามารถมีรูม่านตาได้มากกว่า 1 จุด
กรณีของคนที่มีนัยน์ตาดำมากกว่า 1 ทางวิทยาศาสตร์เรียกเคสนี้ว่า ‘polycoria’ แต่ถึงกระนั้นอาการดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อการมองเห็นใดๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วจะมีเพียงรูม่านตาเพียง 1 จุดเท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
โอ้ววโหวว…มหัศจรรย์ใจไปกับร่างกายมนุษย์จริงๆ เลยแฮะ
ที่มา: Brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.