ความคิดของคนบ้ากับคนอัจฉริยะนั้นห่างกันเพียงเส้นบางๆ เท่านั้น จนบางทีก็แยกไม่ออกด้วยซ้ำว่านี่มันคนบ้าหรือคนอัจฉริยะกันแน่??
เหมือนกับ Elon Musk ประธานบริหารของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Tesla และ SpaceX ที่มีแนวความคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการมองทั้งโลกและจักรวาล
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเขาได้เผยแนวคิดของเขาเกี่ยวกับการใช้จรวด SpaceX ในการส่งผู้คนไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกภายในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
ได้ยินแบบนี้แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่าเขาคงเพี้ยน บางคนก็คนก็บอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะ แต่ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงกับ Musk ลองไปดูรายเอียดแผนการของเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินกันอีกที
และนี่คืือแนวคิดของ Musk ทั้ง 14 ข้อ ตั้งแต่เรื่องดาวอังคารไปจนถึงเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ที่คุณจะต้องทึ่งในวิสัยทัศน์ของอย่างแน่นอน
1. Musk บอกว่าเขาจะเริ่มส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคารภายในปี 2024
เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 Musk บอกว่า “เรากำลังสร้างเที่ยวบินบรรทุกสินค้าไปยังดางอังคารที่ทุกคนสามารถวางใจได้”
“วงโคจรของโลกกับดาวอังคารจะมาประจบกันทุกๆ 26 ปี ดังนั้นเราจะไปถึงที่นั่นครั้งแรกในปี 2018 และครั้งถัดไปในปี 2020 ผมคิดว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราน่าจะเปิดโอกาสให้ทุกคนในปี 2024 และถึงในปี 2025”
2. เขาได้เผยแผนการที่จะก่อตั้งรัฐบาลของชาวดาวอังคารด้วย
“ผมคิดว่าดาวอังคารควรจะมีรูปแบบการปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยแบบโดยตรง ที่ไม่ใช่ระบบตัวแทน ดังนั้นผู้นำจึงต้องมาจากการเลือกตั้งเป็นหลัก “
3. ไม่เพียงแต่เอาตัวรอดบนดาวอังคาร แต่เขาต้องการทำให้ดาวอังคารมีความเจริญรุ่งเรืองด้วย
Musk กล่าวใน Reddit AMA ว่าเขาต้องการให้ดาวเคราะห์สีแดงเป็นศูนย์รวมทุกสิ่ง โรงหล่อเหล็กยันร้านขายพิชซ่า
4. แต่เขาบอกว่าทุกคนที่ไปดาวอังคาร ต้องเตรียมพร้อมที่จะตายเสมอ
“การเดินทางไปยังดาวอังคารครั้งแรกนั้น เป็นเรื่องที่อันตรายมาก และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต”
5. ถ้าคุณไม่สนใจที่ไปดาวอังคาร ก็สามารถใช้บริการจรวด SpaceX เพื่อไปเที่ยวรอบโลกได้
เขาบอกว่า “ผู้คนส่วนใหญ่จะไปท่องเที่ยวทั่วโลกภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชัวโมง”
6. แต่หากคุณยอมรับความเสี่ยงกับการเดินทางไปยังดาวอังคารได้ การตายบนอวกาศก็ฟังดูไม่เลวนะ
เขาบอกว่า “ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่ตายสักที่หนึ่ง ดาวอังคารก็เป็นตัวเลือกที่ไม่แย่เกินไปนะ”
7. Musk บอกว่าการขับรถส่วนตัวเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ฆ่าคน
ในเดือนตุลาคม ปี 2016 Musk ได้กล่าวถึงรถ Autopilot ที่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ถึงนั้นเขาจึงอยากให้ผู้คนเลิกใช้รถส่วนตัวแล้วหันมาใช้ Autopilot แทน
เขายังบอกอีกว่า “ผมอยากให้ทุกคนคิดถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และใครก็ตามที่ไม่ใช้ Autopilot เท่ากับสนับสนุนให้มีการฆ่าคน”
8. นอกจากนี้เขายังเปรียบเทียบให้เห็นว่าระบบ Autopilot ของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัทลิฟท์
แม้ว่าคุณจะใช้รถ Autopilot แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บริษัทของเขาก็ไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด แต่จะรับผิดชอบตามประกันเท่านั้น
เหมือนกับเวลาที่เกิดเหตุการณ์ลิิฟท์ค้างหรือขัดข้อง ทางบริษัทลิฟท์ก็ไม่ได้มารับรู้อะไรด้วย
9. แต่หากเขาไม่ได้วางแผนจะส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคาร เขาคงจะให้สนใจกับการมีตัวตนของคนในอีกโลกหนึ่งที่มองไม่เห็น
Musk มักจะมีการถกเถียงกับคนอื่นเสมอว่า แท้จริงแล้วอาจจะมีโลกมีอีกโลกหนึ่งที่มีผู้คนมีอารยธรรมเป็นของตัวเองเหมือนมนุษย์ในโลกของเรานี้
มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าไม่เคยมีใครพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ หรือแทบจะไม่มีใครหยิบยกประเด็นนี้มาถกเถียงกันด้วยซ้ำ
10. แต่การถกเถียงนี้ทำให้เราฉุดคิดได้ว่า เราอาจอยู่ในโลกจำลองมากกว่าโลกแห่งความจริง
เขาบอกว่า “มีโอกาสหนึ่งในล้านที่เราจะมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งความจริง”
11. มนุษย์ควรจะคาดหวังว่ากำลังอยู่อยู่ในโลกจำลอง เพราะในโลกแห่งความจริงนั้นช่างน่าเกลียดเหลือเกิน
เขาบอกว่า “เราควรคาดหวังว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกจำลองจริงๆ เพราะหากอารยธรรมหยุดพัฒนา อาจมีเหตุการณ์บางอย่างมาลบล้างอารยธรรมที่มีอยู่ได้ เมื่อไม่มีอารยธรรมก็ไม่มีมนุษย์เช่นกัน”
12. Musk บอกว่า “มนุษย์เป็นหุ่นยนต์แล้ว”
“ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตเหมือนระบบดิจิทัลที่รับข้อมูลผ่านอีเมลและโซเชียลมีเดีย จนทำให้เรารู้สึกเหมือนมีพลังอำนาจ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรจากไซบอร์กเลย”
“คุณมีอำนาจมากกว่าประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คุณสามารถตอบทุกคำถามได้ สามารถสื่อสารกันผ่านวิดีโอคอลได้ทุกที่ ส่งข้อความให้ผู้คนนับล้านพร้อมกันได้ในคลิ๊กเดียว”
13. เราควรจะใช้หุ่นยนต์ทั้งในการใช้ชีวิตและพัฒนาคุณภาพสมองไปพร้อมๆ กัน เพื่อหลีกเลี่ยงการกลายเป็นเพียงแมวเชื่องตัวหนึ่งที่คอยทำตามแต่คำสั่ง
ถ้าคุุณไม่ต้องการจะกลายเป็นเพียงแมวเชื่องตัวหนึ่งที่คอยทำตามแต่คำสั่ง คุณควรจะใช้หุ่นยนต์ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการพัฒนาสมองของคุณให้อยู่เหนือหุ่นยนต์
14. แท้จริงแล้ว Musk บอกว่า หุ่นยนต์อาจเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติ
“เราควรระมัดระวังเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ให้มาก เราจะมีระบบการคิดให้มากขึ้นในการกำกับดูแลหุ่นยนต์ในอยู่ในขอบเขตที่มนุษย์ควบคุมได้ เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของหุ่นยนต์”
“ปัญญาประดิษฐ์อาจเรียกได้ว่าเป็นปีศาจของมนุษยชาติก็ว่าได้”
ที่มา businessinsider
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.