เผยประวัติศาสตร์ 2,000 ปี แห่ง “ลอนดอน” เมืองหลวงของอังกฤษ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

อังกฤษเป็นประเทศหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดในโลก ที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็จับตามองถึงความเจริญรุ่งเรือง และยังเป็นที่ที่หลายๆ คนอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต

เมืองหลวงของอังกฤษคือลอนดอน ซึ่งปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 8.6 ล้านคน เป็นศูนย์กลางแห่งแฟชัน ดนตรี ศิลปะ ผู้คนทั่วโลกต่างก็ปรารถนาที่จะได้มาเยือนมหานครแห่งอำนาจแห่งนี้

เมื่อปี 1999 และปี 2010 ได้มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ กว่าจะมาเป็นลอนดอนในปัจจุบัน เพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ศึกษาความเป็นมา

 

จุดเริ่มต้นของลอนดอนพบว่าเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานใกล้กับแม่น้ำเทมส์ในช่วง 4500 ปีก่อนคริสตกาล โดยเป็นยุคของการทำเกษตรและยุคสำริด

 

ปีค.ศ. 43 ชาวโรมันก่อตั้งชุมชนที่เรียกตัวเองว่า Londinium ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็นลอนดอน และในปีค.ศ. 200 ก็ได้สร้างสะพานแห่งแรกของแม่น้ำเทมส์

 

ในช่วงศตวรรษที่ 7 ถึงศตวรรษที่ 11 ชาวแองโกลได้อพยพเข้ามาอาศัย โดยเริ่มมีการวางผังเมือง ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 10,000 ถึง 12,000 คน

 

วิหาร Westminster ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในลอนดอน วิหารแห่งนี้สร้างเสร็จสิ้นในปีค.ศ. 1066

 

ศตวรรษที่ 11 ลอนดอนกลายเป็นเมืองที่มีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ความเจริญทั้งหลายก็เริ่มเข้ามาจนทำให้ลอนดอนกลายเป็นเมืองหลวงที่สำคัญของอังกฤษ

 

ศตวรรษที่ 12 ราชสำนักอังกฤษเริ่มมีการขยายพื้นที่บริเวณย่าน Westminster ใจกลางกรุงลอนดอน

 

ในยุคของกษัตริย์เฮนรี ปีค.ศ.1176 ได้มีการสร้างสะพานแห่งใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการค้า ซึ่งแล้วเสร็จภายในปี 1284

 

ในช่วงปีค.ศ 1536 ถึงปี 1541 ยุคของกษัตริย์เฮนรีที่ 8 ได้ทำให้ลอนดินกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการค้าขาย เป็นเมืองแห่งการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จนมีความมั่งคั่งมากมาย

 

ต้นศตวรรษที่ 15 เริ่มมีการพัฒนาสื่อสิ่งพิมพ์ เพราะว่าประชาชนเริ่มมีความสนใจข่าวสารบ้านเมือง

 

ศตวรรษที่ 17 ลอนดอนได้รับความเดือดร้อนจากโรคระบาดซึ่งคร่าชีวิตประชากรชาวเมืองไปกว่า 100,000 คน

 

แต่อย่างไรก็ตามลอนดอนก็ยังเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญและมีการขยายตัวของท่าเรืออย่างต่อเนื่อง

 

ยุคจอร์เจีย ตั้งแต่ปีค.ศ. 1714 ถึง ค.ศ. 1830 ได้มีการสร้างย่านใหม่ๆ เช่น ย่าน Mayfair

 

ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ลอนดอนมีความเจริญอย่างสุดขีด สามารถแซงกรุงอัมสเตอร์ดัม ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำของยุโรป

 

อีกทั้งสร้างกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

 

หลังจากที่ลอนดอนเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1831 ถึงปี ค.ศ.1925 ก็มีมหานครนิวยอร์กขึ้นมาแทนที่

 

ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงมีการสร้างรถไฟใต้ตินเป็นครั้งแรกของโลกโดยเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1860

 

กษัตริย์จอร์จที่ 6 ขึ้นครองราชย์เมื่อปี ค.ศ. 1936

 

ปี 1941 ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง เหล่าประชาชนต้องอาศัยทางรถไฟใต้ดินเพื่อเป็นเกาะกำบังหลีกหนีการโจมตีทางอากาศ เมื่อสงครามสิ้นสุดก็ต้องมาเริ่มพัฒนาบ้านเมืองกันใหม่

 

ปี 1960 หลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลงแล้ว ลอนดอนก็กลับมากลายเป็นศูนย์กลางของแฟชั่น ดนตรี และศิลปะระดับโลก

 

ลอนดอนช่วงที่กำลังฟื้นฟู แต่ก็ยังรักษาความเป็นศูนย์กลางของอำนาจ

 

จนกระทั่งปัจจุบัน ลอนดอนก็ยังเป็นเมืองที่ยังคงรักษาความเจริญรุ่งเรืองไว้และมีประชากรอาศัยอยู่ในเมืองประมาณ 8.6 ล้านคน

 

ที่มา businessinsider

Comments

Leave a Reply