Kaktovik ในอลาสก้า เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรอยู่ 300 คน ที่นั่นผู้คนจะเห็นหมีขั้วโลกอยู่รอบๆ เมืองเต็มไปหมด จนกลายเป็นภาพที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว
หมีขั้วโลกกับชาวเมืองแห่งนี้อยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียนกัน นั่นทำให้หมีขั้วโลกสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และชุมชนก็ไม่ต้องกลัวหมีทำร้ายด้วย
ธรรมชาติอันน่าหลงใหลนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมักจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ เพื่อดูวิถีชีวิตของหมีขั้วโลกอย่างใกล้ชิด แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎที่ตั้งไว้ เพื่อไม่เป็นการคุกคามพวกมัน
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ไกด์นำเที่ยว Rolan Warrior พานักท่องเที่ยวไปยังเกาะเพื่อดูวิถีชีวิตหมีขั้วโลก เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ
เขาเห็นหมีขั้วโลกตัวหนึ่งถูกตาข่ายจับปลาพันรอบตัว และมันกำลังตะเกียกตะกายเอาตัวรอดจากการจมน้ำ ท่ามกลางตวามตกใจของลูกทัวร์ที่มาด้วย
สิ่งที่ Rolan คิดได้อย่างแรกคือหมีต้องได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน แต่หมีเป็นสัตว์ใหญ่และอันตราย ใครล่ะจะลงไปช่วย และจะช่วยมันด้วยวิธีไหน พลาดไปเขาจะโดนมันฆ่าเสียเองหรือไม่?
โชคดีที่มีกลุ่มชาวเมือง Kaktovik มาที่เกิดเหตุพอดี และได้พยายามทำให้หมีขั้วโลกตัวนั้นสงบลง เพื่อให้มันเข้าใจว่าพวกเขามาช่วย ไม่ได้จะมาทำร้าย
นี่เป็นภารกิจที่ค่อนข้างยาก เพราะน้ำมีความเย็นมาก ที่สำคัญหมีขั้วโลกตัวนี้ก็หนักมาก โดยตัวผู้ที่เต็มวัยจะมีน้ำหนักมากกว่า 500 กิโลกรัม ซึ่งพวกเขาต้องลากเจ้าหมีตัวนี้ขึ้นไปยังฝั่งให้เร็วที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ทีมช่วยเหลือจะต้องทำให้หัวของหมีขั้วโลกตัวนี้อยู่เหนือน้ำตลอดเวลา ขณะที่ร่างกายของมันก็มีการเคลื่อนไหวตามแรงน้ำอย่างต่อเนื่อง
แต่ในที่สุด ความพยายามก็สำเร็จ ทีมช่วยเหลือสามารถพาเจ้าหมีขึ้นมาบนฝั่งได้สำเร็จ และได้นำตาข่ายออกจากตัวของมัน
หลังจากนั้นก็ได้ตรวจร่างกายของมันทั้งภายนอกและภายในอย่างละเอียด เมื่อพบว่ามันได้บาดเจ็บตรงไหน ก็ได้ปล่อยมันกลับสู่ธรรมชาติต่อไป
Geoff York ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการอนุรักษ์ที่ Polar Bears International ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของชุมชนที่มีต่อสถานการณ์ดังกล่าวรวมทั้งการอนุรักษ์ว่า
“พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่ตลอด 24 ชั่วโมง พวกเขามีประสบการณ์และทัศนคติที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน”
Geoff ยังบอกอีกว่า “ชาวเมืองที่นี่ได้ทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติเหล่านี้ โดยทำให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ถูกคุกคามจากมนุษย์”
สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ เชื่อเหลือเกินว่าพวกเขาคงจะไม่ลืมทุกอย่างที่เห็น และยิ่งไปกว่านั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้พวกเขากระหนักถึงความสำคัญในเรื่องบทบาทของมนุษย์ในการดูแลและช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติมากขึ้น
ที่มา honesttopaws
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.