เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศญี่ปุ่น เคร่งครัดในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีอย่างมากและบางสิ่งก็มีความแตกต่างกับประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิง
แต่เพราะความไม่เหมือนใครของประเทศนี้บางครั้งก็อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นรู้สึกใช้ชีวิตลำบากกันซะหน่อย โดยเฉพาะชาวตะวันตกทั้งหลายที่กับบางเรื่องพวกเขาถึงกับตกใจในความแปลกเลยทีเดียว
นักท่องเที่ยวเหล่านั้นจึงได้รวบรวมความจริงที่พวกเขาคิดว่าไม่มีใครเหมือนของประเทศนี้ เราไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
โรงเรียนเปิดเทอมช่วงเดือนเมษายน
.
.
ที่ญี่ปุ่นสถานศึกษาจะเปิดเทอมแรกในเดือนเมษายนและทุกคนก็ต้องเรียนปีละ 3 เทอมด้วยกัน นอกจากนั้นทุกๆ ปีพวกเขาก็จะได้ย้ายห้องคละคนกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เจอกับเพื่อนใหม่ สอนให้เด็กรู้ว่าเราไม่สามารถอยู่กับสังคมเดิมไปได้ตลอดแต่ต้องรู้จักเข้าสังคมเหมือนกับที่ต้องไปเจอในโลกภายนอก
ตุ๊กตาหิมะใช้บอลหิมะ 2 ลูก
.
เกือบทั้งโลกตุ๊กตาหิมะจะมี 3 ลูกแตกต่างกับญี่ปุ่นที่มีแค่ 2 ลูกตั้งเรียงกัน
วัฒนธรรมการตีระฆัง 108 ครั้ง
ตามความเชื่อของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นตัวเลข 108 คือจำนวนความปรารถนาของผู้คนที่แบ่งออกมาในรูปของสัตว์ต่างๆ ทุกปีตอนเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคมจะมีการตีระฆังเกิดขึ้นตามศาลเจ้าจนครบ 108 ครั้ง เพื่อปลดปล่อยความโชคร้ายและบาปของปีที่ผ่านมาให้หมดไป
ผู้พัน Sanders เป็นสัญลักษณ์ประจำวันคริสมาสต์
ผู้พันชื่อดังแห่งร้าน KFC คนนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในวันคริสมาสต์ของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่าหลายครอบครัวจะชอบไปกินไก่ร้านนี้ในวันคริสมาสต์อีฟ ยิ่งไปกว่านั้นหากใครต้องการไปกินในช่วงวันหยุดปีใหม่ พวกเขาอาจต้องจองล่วงหน้านานอย่างต่ำ 2 เดือนเลยทีเดียว
ใช้ตราปั้มแทนลายเซ็น
ชาวญี่ปุ่นใช้ตราปั๊มที่เรียกว่า Hanko แทนการใช้ลายเซ็นโดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป ประชาชนทุกคนในประเทศจะมีเจ้าสิ่งนี้เอาไว้และต้องได้ใช้วันหนึ่งหลายครั้ง
มารยาทบนโต๊ะอาหารที่เยอะมาก
เราอาจเคยได้ยินเรื่องวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่นไปบ้างเช่นห้ามขยับจาน ห้ามจิ้มอาหารขึ้นมากิน ห้ามเทเครื่องดื่มด้วยตัวเอง หรือการกินราเมนและอาหารจำพวกเส้นให้เสียงดังๆ เพื่อแสดงถึงความอร่อย นอกจากนั้นการพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า Oishi (แปลว่า อร่อย) ก็จะยิ่งทำให้พ่อครัวรู้สึกดีมากโดยเฉพาะเวลาที่ผู้หญิงเป็นคนพูดด้วยนะ
ทั้งหมดนั้นในบางครั้งมันก็ทำให้ชาวต่างชาติบางคนรู้สึกว่าปรับตัวได้ยากมากจริงๆ
สุภาพบุรุษมาก่อน
สำหรับประเทศนี้ผู้ชายจะได้รับการต้อนรับและบริการก่อนผู้หญิง ในร้านอาหารหนุ่มๆ จะได้เป็นคนที่สั่งอาหารก่อนและได้รับเครื่องดื่มเป็นอันดับแรก
การจูบเป็นเรื่องที่แปลก
การจูบในญี่ปุ่นเป็นการสื่อที่ความสัมพันธ์ทางเพศ โดยแทบทุกคนเชื่อว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงความรู้สึกออกมา ไม่ว่าจะเป็นการชมเชย การแสดงความเศร้า หรือความเห็นอกเห็นใจ
ฮิคิโคโมริ
7 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายในประเทศจะอยู่ในกลุ่มคนที่เรียกว่า ฮิคิโคโมริ (Hikikomori) นั่นคือการใช้ชีวิตแบบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหนละทิ้งสังคม พวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นคนว่างงานและใช้เงินจากพ่อแม่หรือญาติพี่น้องในการใช้ชีวิต บางคนอาจจะเก็บตัวนานเป็นปีหรือมากกว่า 10 ปีเลยก็ได้
ถนนจะไม่มีชื่อแต่ใช้เป็นตัวเลข
นอกจากชื่อจังหวัด ชื่อเมือง ชื่อเขตแล้ว ส่วนที่ย่อมลงมา ชาวญี่ปุ่นจะแทนด้วยตัวเลขโดยไม่ได้ตั้งชื่อเหมือนประเทศอื่นๆ แถมตัวเลขเหล่านั้นไม่ได้เรียงกันเป็นระเบียบเหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างนิวยอร์คแต่อย่างใด ฉะนั้นชาวต่างชาติจะสับสนหน่อยๆ เวลาพูดถึงพื้นที่ต่างๆ
นอกจากนั้นเดือนในญี่ปุ่นก็จะไม่มีชื่อแต่ใช้เป็นตัวเลขเรียงลำดับเอาแทน
ในญี่ปุ่นสามารถรับผู้ใหญ่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้
ก็เหมือนกับการรับเด็กมาเลี้ยงเพียงแต่ที่นี่สามารถอุปถัมภ์คนที่โตเป็นผู้ใหญ่ได้ แม้แต่การรับเลี้ยงสามีของลูกสาวหรือในทางกลับกันสามีคนนั้นอาจรับเลี้ยงพ่อตากับแม่ยายแทนก็ได้ เหตุผลที่พวกเขาจจะทำอย่างนั้นก็เพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูลให้มีต่อไปและทำให้กระจายมรดกหรือลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ครอบครัวสามารถแช่อ่างอาบน้ำร่วมกันได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำ
หอพักสมัยใหม่จะมีแต่ห้องอาบน้ำเท่านั้น แต่สำหรับบ้านคนญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว ทุกบ้านจะต้องมีอ่างอาบน้ำอย่างน้อยๆ หนึ่งอ่าง เพราะชาวญี่ปุ่นถือว่าการแช่น้ำเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง แต่ด้วยความที่ค่าน้ำที่ค่อนข้างแพง ชาวญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยเปลี่ยนน้ำใหม่ในการอาบน้ำหนึ่งครั้ง
แต่ไม่ต้องห่วง ทุกคนต้องอาบน้ำข้างนอกมาก่อนถึงจะลงแช่น้ำได้ ฉะนั้นน้ำจึงสะอาดอยู่เสมอ
การได้เห็นคนเมานอนข้างถนนหรือที่สาธารณะไม่ใช่เรื่องแปลก
.
ด้วยวัฒนธรรม Work Hard, Play Harder ของคนญี่ปุ่น การได้เจอคนเมานอนอยู่ข้างทางเป็นเรื่องปกติอย่างมาก ถึงอย่างนั้นตามร้านต่างๆ จะรับฝากขวดเหล้าที่กินไม่หมดโดยให้พวกเขาเขียนชื่อลงไปแล้วค่อยกลับมากินวันหลัง และชาวญี่ปุ่นก็จะมีขวดเหล้าที่ฝากทิ้งไว้ในหลายๆ ร้านรอให้พวกเขากลับไปกิน
โรคเสพติดงานที่มีแต่เฉพาะในญี่ปุ่น
.
คนในประเทศมีความเชื่อว่าการได้ทำงานตั้งแต่เรียนจบและอยู่ในบริษัทเดิมไปจนแก่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด พวกเขาจึงจะไม่ค่อยย้ายงานกันซักเท่าไหร่จนเพื่อนร่วมงานกลายเป็นครอบครัวที่สองสำหรับพวกเขา
นอกจากนั้นด้วยความเกรงใจจึงทำให้ต้องทำงานนาน 12 – 15 ชั่วโมงเพราะไม่กล้าออกบริษัทมาก่อนเพื่อนร่วมงาน ถ้าพวกเขามัวแต่ทุ่มเทใหกับงานมากเกินไปก็อาจทำให้ถึงตายเลยทีเดียว โดยการเสียชีวิตแบบดังกล่าวเรียกว่า Karoshi (แปลว่า ทำงานหนักจนตาย)
ปกปิดความทุกข์เอาไว้ภายใต้รอยยิ้ม
แม้ชาวญี่ปุ่นมักจะมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ว่าอัตราการฆ่าตัวตายและจำนวนคนที่ต้องอยู่อย่างเดียวดายยังอยู่ในระดับที่สูง นั่นก็เพราะพวกเขาถูกปลูกฝังเอาไว้ให้ยิ้มเพื่อปกปิดความทุกข์ในใจ โดยมีสำนวนที่ว่า “จงยิ้มขณะที่กำลังเจ็บปวดอยู่ข้างใน”
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้ก็ได้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ เพื่อไม่ให้การแสดงออกถึงความทุกข์ไปทำลายบรรยากาศหรืออารมณ์ของคนในสังคม
จากทั้งหมดเพื่อนๆ คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอย่างที่ชาวตะวันตกเขาคิดกันหรือเปล่า
คอมเม้นท์กันเอาไว้ด้านล่างได้เลยนะ
ที่มา: brightside
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.