หลายๆ ครั้ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์มักจะถูกพบหลังจากที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรง เช่น พายุ น้ำท่วม และแผ่นดินไหว
ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากเกิดพายุ Ophelia ที่มีความรุนแรงจนทำให้โครงกระดูกมนุษย์ยุคโบราณโผล่ออกมาให้เห็น ซึ่งนับว่าเป็นหลักฐานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่ง
โครงกระดูกดังกล่าวนี้คาดว่าน่าจะมีอายุถึงพันปี ถูกค้นพบโดยนักเดินทางหลังจากเกิดพายุพัดอย่างรุนแรงและทำให้น้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งไอริช ประเทศไอร์แลนด์
สำหรับพายุ Ophelia ได้พัดผ่านประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีความเร็วลมอยู่ที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนเผยให้เห็นสถานที่ที่เหมือนหลุมฝังศพโบราณ
นักพยาธิวิทยา Marie Cassidy ได้เดินทางมาถึงสถานที่ดังกล่าวเมื่อวานนี้ และได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าหลักฐานชิ้นนี้น่าจะมาจากยุคเหล็กที่ถูกสร้างเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว
ตอนนี้โครงกระดูกที่พบถูกนำไปไว้ที่ Dublin เพื่อตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์หาสาเหตุการตายและอายุที่แท้จริง หลังจากที่ตรวจสอบเสร็จแล้วก็จะนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Ireland’s National ใน Dublin
นักโบราณคดี Maeve Sikora ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติและเป็นผู้ช่วยขุดโครงกระดูกขึ้นมา กล่าวว่า “จากสถานที่ที่โครงกระดูกถูกพบ เราสามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่ามันไม่ใช่ศพที่เพิ่งถูกฝัง”
“ศพดังกล่าวอาจจะถูกวางไว้ในโลงศพและถูกปิดด้วยหินหลายๆ ชั้น แต่หินเหล่านั้นถูกทำลายโดยการกัดกร่อนจากน้ำทะเลเป็นเวลาหลายปี” Sikora กล่าว
เขายังบอกอีกว่า “ศพถูกฝังเป็นอย่างดี โดยการจัดให้แขนศพวางอยู่ข้างลำตัว ซึ่งเราสามารถบอกได้จากตำแหน่งที่ศพถูกพบ”
“ศพอาจจะมีอายุมากกว่า 1,000 ปี แต่อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถระบุปีได้ชัดเจน จนกว่าจะทำการ Radiocarbon (กัมมันตภาพรังสีในรูปของคาร์บอนที่ใช้คำนวณอายุของอินทรีย์วัตถุ)”
ทั้งนี้จากการตรวจสอบที่ Kilmore Quay ใน Wexford ประเทศไอร์แลนด์พบกว่ายังมีผิวหนังบางส่วนติดกับโครงกระดูกอยู่
ทาง Jim Moore สมาชิกสภาเขต กล่าวว่า “มีคนไปพบศพนี้เมื่อบ่ายวันอังคาร เราจึงได้ปิดพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่นั้นมา เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบ”
“สถานที่พบศพมีชื่อว่า Forlorn Point ที่ดูเหมือนจะเป็นสุสานฝังศพ ดังนั้นศพนี้จึงไม่น่าจะถูกพัดขึ้นมาบนฝั่ง แต่มันถูกฝังที่นั่นมาตั้งแต่แรกแล้ว”
หลังจากที่มีการพบศพแรกไปแล้ว หลายคนสงสัยว่าถ้าที่นี่เป็นสุสานจริง เป็นไปได้มั้ยว่าอาจมีศพอื่นอยู่ใกล้กันแต่ยังไม่ถูกค้นพบ?
ที่มา dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.