วันที่ 20 ตุลาคม 2017 สำนักข่าวเดลีเมลได้เปิดเผยเรื่องราวชวนช็อกที่เกิดขึ้น ณ เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน เมื่อชายวัย 43 ปีรายหนึ่งได้เดินเข้าไปมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมถือถุงขยะมาด้วย 1 ใบ
ซึ่งเขาได้อ้างว่า ในถุงขยะใบนั้นมีศพของลูกสาววัยเพียง 1 เดือน ที่เคยพลั้งมือฆ่าไปเมื่อ 12 ปีก่อน เหตุเพราะรู้สึกโมโหที่ลูกไม่ยอมหยุดร้องไห้ขณะเอานมให้ดื่ม
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตซานมิน เมืองเกาสง ได้ออกมาเผยว่าพวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อชายที่ชื่อหลิน วัย 43 ปีรายนี้ เดินถือถุงศพเข้ามาสารภาพในสิ่งที่เคยทำไว้เมื่อปี 2005
อย่างไรก็ตามนายหลินได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่า หลังจากที่เขาพลั้งมือตีลูกสาวจนตาย ในเวลานั้นเขารู้สึกตกใจ และทำอะไรไม่ถูก เขาจึงนำร่างของเธอไปยัดใส่ในถุงขยะ และแอบซ่อนเอาไว้ใต้เตียงนอน
นอกจากนี้เขายังโกหกภรรยาวัย 38 ปี อีกว่าผู้เป็นย่าได้มารับเอาลูกไปเลี้ยงแล้ว ซึ่งเขาก็ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ และไม่สามารถที่จะหาทางนำตัวลูกสาวกลับมาได้เลย
จากการรายงานระบุว่า อีก 2 ปีต่อมา นายหลินและภรรยาของเขาก็ได้มีลูกสาวด้วยกันอีกครั้ง โดยเขาได้ปล่อยให้ลูกนอนอยู่บนเตียงที่เคยซ่อนศพที่เน่าเปื่อยของลูกคนแรกเอาไว้นานถึง 9 ปี จนได้หย่าขาดกับภรรยาในปี 2013
หลังจากนั้นเขาก็มีสถานะเป็นแรงงานเร่ร่อน และต้องคอยย้ายสถานที่ทำงานอยู่เสมอ ทั้งในมือยังต้องคอยถือถุงขยะสีดำที่บรรจุศพของลูกสาวติดตัวไปด้วยทุกครั้ง
นายหลินได้ออกมาเผยว่าทุกครั้งที่ได้ยินข่าวพ่อแม่ฆ่าลูก เขาก็จะนึกถึงความผิดที่เคยทำเอาไว้ในอดีต และนั่นก็ทำให้เขากล้าที่จะออกมามอบตัวกับตำรวจ
ด้านนาย หวง อี้ฉาง ผู้กำกับการตำรวจประจำสถานีซานมิน ได้กล่าวว่ารายละเอียดที่นายหลินได้ออกมาเผยนั้นยังคงมีความคลุมเครือ แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนตั้งข้อหาฆาตกรรมผู้อื่นต่อไป
ทั้งนี้ ในรายงานระบุว่าลูกคนแรกของนายหลินได้ถูกแจ้งให้เป็นบุคคลสาบสูญมาเป็นเวลา 5 ปี เพราะไม่ได้ไปโรงเรียนตามเกณฑ์ที่กฎหมายไต้หวันกำหนด ซึ่งเด็กจะต้องเริ่มเข้าเรียนเมื่ออายุครบ 7 ขวบ
ขณะที่ทางภรรยาได้ออกมาบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่า เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยวาสามีได้แอบเอาลูกสาวคนคนแรกไปไว้ที่ไหน
ที่มา : dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.