สำหรับลูกๆ แล้ว แม่คือโลกทั้งใบพวกเขา เพราะแม่เป็นทั้งที่พักพิง ที่กำบัง ที่ปลอดภัย ที่ให้ความอบอุ่น นั่นทำให้ลูกส่วนใหญ่ไว้ใจแม่มากที่สุดชีวิต
แต่สำหรับ Axton Betz-Hamilton เธอกลับถูกแม้แท้ๆ ทรยศต่อความไว้ใจที่มีให้ โดยแอบทำลายชีวิตเธออย่างลับๆ และเธอเพิ่งมารู้ความจริงตอนที่แม่ได้จากไปแล้ว
เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Axton อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาปีที่สองในปี 2001 และเธอกำลังจะมีอพาร์ทเมนต์หลังแรกเป็นของตัวเอง ซึ่งอยู่ใกล้กับมหาลัย
ในระหว่างที่หญิงสาวได้ดำเนินการตามขั้นตอนนั้น เธอก็พบบางอย่างผิดปกติ เมื่อเธอได้รับจดหมายจากบริษัทไฟฟ้า โดยอธิบายว่าจำเป็นต้องมีเงินฝากในบัญชีตามเงื่อนไข เนื่องจากระดับเครดิตของเธอไม่ค่อยดีนัก
Axton รู้สึกงงกับจดหมายฉบับนั้นมาก เพราะเธอไม่เคยยืมเงินใคร แต่ด้วยความอยากรู้ เธอจึงได้ทำการสำเนาเอกสารประวัติการใช้งานของบัตรเครดิตของเธอทั้งหมด
Axton ในวัย 35 ปี เล่าว่า “6 เดือนต่อมา ฉันก็ได้รับจดหมายที่มีความยาว 10 หน้า ในนั้นระบุคะแนนบัตรเครดิต อยู่ที่ 380 แต่ฉันจำได้ว่าเคยทดสอบใช้ไปตอนอยู่โรงเรียนเพียง 100 ครั้งเท่านั้น ต้องมีบางอย่างผิดปกติแล้วหล่ะ”
ต่อมาเธอก็สังเกตเห็นบัตรเครดิตหลายร้อยใบเป็นชื่อของฉัน และทุกใบล้วนมีหนี้ติดมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เธอพบว่ามีเพียง 2% ในสหรัฐที่มีเครดิตต่ำกว่าเธอ ทั้งๆ ที่ตอนนั้น Axton อายุแค่ 19 ปี
หญิงสาวไม่เคยออกไปไหนห่างจากบ้านหรือนำเงินจากบัตรเครดิตมาใช้ แต่กลับมีหนี้จำนวนมหาศาลที่เป็นชื่อของเธอ โดยหนี้ของเธอได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1993
ตอนนั้นหญิงสาวรู้สึกสับสนมาก เธอได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้ เพราะอยู่ดีๆ เธอก็เป็นหนี้มากมาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย
แต่แล้วเรื่องราวก็ดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อเธอเริ่มต้นสืบเบื้องลึกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดอันดับเครดิตของเธอ
Axton ได้เล่าถึงชีวิตในวัยเด็กว่าเธอเติบโตในฟาร์มนอกเมืองเล็กๆ ของเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐอินเดียนา เธอเป็นเด็กปกติและอาจจะโดดเดี่ยวนิดหน่อย
พ่อของเธอเปิดร้านขายของเล็กๆ ส่วนแม่ Pam เป็นนักบัญชี… ย้อนกลับไปตอนประมาณ 10 ปีก่อน พ่อแม่ของเธอถูกโจรขโมยข้อมูลส่วนตัวไป เรื่องนี้ฟังดูมีเงื่อนงำไหม!?
นั่นทำให้ตอนนี้หญิงสาวคิดว่า โจรคนเดียวกันนั้นน่าจะขโมยเงินโดยใช้ชื่อของเธอเหมือนกัน เมื่อมาถึงจุดนี้ เธอจึงตัดสินใจโทรไปบอกแม่ทันที
หญิงสาวร้องไห้และบอกว่าแม่ว่า “หนูไม่เคยมีรถ ไม่มีบ้าน ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย แต่ทำไมถึงมีหนี้มากมายขนาดนี้”
แต่สิ่งที่ผู้เป็นแม่กลับตอบมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เธอบอกว่า “เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว คนที่ทำต้องการแค่เงิน และในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องอยู่กับมันให้ได้” นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นแม่บอกกับลูก
Axton จึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปแจ้งตำรวจ แต่แล้วเธอก็ได้รับจดหมายจากธนาคารและเจ้าหนี้ ซึ่งมีเนื้อหาที่อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ตั้งแต่นั้นมาหญิงสาวก็ทุ่มเทสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว และได้ขอความช่วยเหลือจากแม่ในการทำให้การจัดอันดับบัตรเครดิตของเธอให้ชัดเจนขึ้น พร้อมกันนี้เธอก็ติดตามโจรที่ยังใช้ข้อมูลของเธอในการสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง
กระทั่งปี 2013 ก่อนที่ Axton จะรับปริญญาเอกด้านการพัฒนามนุษย์และการศึกษาครอบครัว ก็มีข่าวร้ายเข้ามา เมื่อได้รับแจ้งว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็งชนิดหายาก และจะอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่เดือน
ตอนนั้นหญิงสาวรู้สึกใจหายมาก เธอรู้ว่าแม่อยากเห็นงานแต่งของเธอ Axton จึงตัดสินใจจัดงานแต่งงานทันทีหลังจากที่รับใบปริญญาบัตรเสร็จ สถานที่จัดงานคือภายในโรงพยาบาล ด้วยชุดครุยเป็นชุกเจ้าสาว เพราะนั่นอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำเพื่อแม่ได้
หลังจากที่เห็นลูกสาวแต่งงาน 36 ชั่วโมงต่อมา คุณแม่ Pam Betz ก็เสียชีวิตลงในวัย 66 ปี
แม่ไม่ต้องการให้แจ้งข่าวการตายและไม่อยากให้จัดงานศพแบบยิ่งใหญ่ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนกับว่า Axton และพ่อกำลังจะเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อเรื่องต่างๆ เริ่มจะกระจ่างขึ้น
พ่อได้เรียก Axton ไปคุย และโกรธลูกสาวมาก เขาบอกว่าเธอได้เอาบัตรเครดิตออกไปใช้เมื่อปี 2001 จนทำให้ครอบครัวเป็นหนี้มากมาย
หญิงสาวจึงอธิบายให้พ่อฟังว่า นั่นต้องเป็นส่วนหนึ่งของการโจรกรรมข้อมูลแน่ๆ และแม่ก็มีข้อมูลเหล่านั้น เพราะเธอเป็นคนที่คอยช่วยเหลือ Axton ตลอด
แต่พ่อบอกว่า “ใบแจ้งยอดบัตรเครดิตอยู่ในมือของพ่อ และมันอยู่ในกล่องที่มีสูติบัตรของลูก”
เมื่อได้ฟังดังนั้น หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัว เธอไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนั้นยังไง แต่ที่เธอรู้อย่างหนึ่งคือ มีแค่แม่เท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ นอกจากนี้แม่ยังได้ขโมยเงินจากเธอและพ่อกว่า 16 ล้านบาท
ตอนนี้ครอบครัวต้องเผชิญกับหนี้สินที่แม่เป็นคนก่อ แต่เธอสามารถปิดเป็นความลับได้อย่างแนบเนียน ดังนั้นแทนที่ทุกคนจะเศร้ากับการจากไปของแม่ กลับกลายเป็นความโกรธแค้น ที่ต้องการคำตอบว่าทำไมแม่ถึงทำกับครอบครัวแบบนั้น
ต่อมา Axton ได้เข้าบัญชีเฟซบุ๊กของแม่ และได้พบข้อความบางอย่างที่ระบุว่าเธออาจจะใช้ชีวิตแบบ 2 หน้ามาโดยตลอด…!?
หญิงสาวบอกว่า “แม่ไม่เคยไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด ไม่เคยมีเครื่องประดับหรูๆ ก่อนเสียชีวิตเธอก็แค่ขับรถปี 1999 ซึ่งวิ่งมาแล้วกว่า 200,000 กิโลเมตร”
“แต่แม่ใช้ชื่อหลายชื่อมาก รวมทั้งนามสกุลเดิมของเธอด้วยคือ Pam Elliot เธอบอกกับคนอื่นว่ามีบ้าน มีรถกระบะ มีเรือในโอไฮโอ
มันแปลกมากๆ ที่เธอไม่ค่อยออกจากบ้านไปไกล แต่ก็ขับไปทำงานบ้างในช่วงระหว่างวัน ในฐานะนักบัญชีอิสระ”
Axton ได้ไปประชุมประจำปีที่โรงเรียนมัธยมของแม่ แล้วก็ต้องเจอเรื่องแปลกใจอีก เมื่อเพื่อนๆ ของ Pam Elliot ไม่มีใครรู้เรื่องของเธอเลย
นั่นเป็นได้ว่า แม่ใช้ชื่อหลายชื่อมาก จนทำให้ผู้คนรู้จักเธอภายใต้ชื่อที่แตกต่างกัน รวมทั้งหมายเลขประกันสังคมก็ไม่ซ้ำกันด้วย และมีบางคนยังรู้ด้วยว่าแม่ของเธอนำเงินไปใช้ที่ไหนบ้าง นั่นเป็นข้อมูลที่ทำให้ Axton เริ่มได้รู้ความลับที่แม่ปิดมาตลอด
เธอบอกว่า “การสืบหาความจริงเรื่องนี้อาจต้องใช้เวลาตลอดชีวิต แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้”
ปัจจุบัน Axton เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการศึกษาผู้บริโภคที่มหาวิทยาลัย Eastern Illinois University มีคะแนนเครดิตที่อยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว แต่สำหรับของพ่อคงทำให้กลับมาเป็นปกติไม่ได้อีกแล้ว
เธอบอกว่า “ฉันใช้เวลา 16 ปีในการทำให้คะแนนเครดิตกลับมาปกติ แต่พ่อผู้น่าสงสารของฉัน ต้องใช้ชีวิตกับคนที่ไม่รู้จักเลยตลอด 46 ปี แน่นอนว่าถ้าเขารู้เรื่องนี้ก่อนที่แม่จะจากไป พ่อต้องหย่ากับเธอแน่ๆ”
Axton เองก็ยืนยันว่าถ้าเธอรู้เรื่องนี้ก่อนแม่เสียชีวิต เธอก็คงจะแจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีกับแม่เหมือนกัน
“มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ เมื่อรู้ว่าผู้เป็นแม่แท้ๆ ได้ขโมยข้อมูลส่วนตัวของฉันไป และทำให้ชีวิตฉันพังตั้งแต่เด็ก แต่เธอกับไม่มีใบหน้าของความรู้สึกผิดสักนิด” หญิงสาวบอก
นอกจากนี้ จากการสืบหาข้อมูลของแม่ลูกสาวคิดว่าแม่น่าจะมีอาการทางจิต “เธอเป็นโรคจิตอ่อนๆ เธอไม่รู้สึกผิด ฉันบอกข้อมูลทุกอย่างกับเธอเพื่อตามหาคนร้าย แต่เธอกลับนำข้อมูลเหล่านั้นทำลายชีวิตเรื่อยๆ จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
Axton บอกว่า “ตอนนี้โกศของแม่อยู่ในบ้านของฉัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันค้นพบข้อมูลใหม่เกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำ ฉันก็จะตะโกนใส่โกศของเธอ!!”
เธอยังไม่รู้ว่าแม่ของเธอ จริงๆ แล้วนั้นใช้กี่ชื่อ มีชื่ออะไรบ้าง มีชีวิตครอบครัวแค่กับบ้านนี้ หรือจะมีอีกหลายชีวิต และเงินที่เป็นหนี้เหล่านั้น เธอใช้ในการทำอะไร มันอาจจะเป็นเรื่องท่เธอไม่สามารถหาคำตอบที่กระจ่างได้เลยก็เป็นได้…
ที่มา mirror
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.