เจ็บหนัก!! สาวใหญ่โดนแก๊งต้มตุ๋นข้ามชาติจีบผ่านเฟซบุ๊ค ก่อนถูกหลอกเอาเงินไป 3.5 ล้านบาท

มีจุดประสงค์มากมายในการใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวิร์คในปัจจุบัน ไม่ว่าจะในด้านธุรกิจ การหาคู่ หรือการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนใหม่ๆ บนโลกใบนี้ ซึ่งจุดอ่อนของโลกออนไลน์คือมีผู้คนมากหน้าหลายตาที่เราไม่รู้จัก และอาจจะเจอมิจฉาชีพเหมือนสาวคนนี้ที่โดนโกงเงินไปถึง 3.5 ล้านบาท!!

Patricia Meister สาวใหญ่วัย 64 ปีจากรัฐ Queensland ประเทศออสเตรเลีย อ้างว่าเธอถูกผู้ใช้ Facebook คนหนึ่งหลอกเงินไปกว่า 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ประมาณ 3.5 ล้านบาท)

โดยเธอบอกว่าเธอตกหลุมรักกับผู้ใช้รายหนึ่งที่ชื่อว่า Carlos นักธุรกิจชาวอิตาลีก่อนจะค้นพบว่าจริงๆ แล้วผู้ใช้นี้เป็นมิจฉาชีพชาวไนจีเรีย

Meister เล่าให้ฟังว่า ชายคนดังกล่าวได้เล่าชีวิตของเขาให้เธอฟังในทุกแง่มุมและเขาได้ส่งข้อความหาเธอทุกวัน

“ฉันไม่เคยเข้าเว็บไซต์หาคู่นะ ฉันเล่นเพียงแค่ Facebook เพื่อการติดต่อธุรกิจ ดังนั้นหากมีคนส่งคำขอเป็นเพื่อนมา มันก็ดูไม่อันตรายใช่ไหมล่ะ ตอนนั้นฉันเหงาและฉันโสดมาได้สักพักแล้ว เมื่อมีเขาเข้ามาฉันนึกว่าชีวิตของฉันจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป”

“ตอนเราเริ่มคุยกันเขาดูเป็นคนที่มีเสน่ห์ มีการศึกษา ภาษาอังกฤษของเขาดีมากเลยทีเดียวและที่เด็ดที่สุดคือเขาเป็นคนโรแมนติกมาก ฉันบอกได้เลยว่าฉันหลงรักเขาอยู่ช่วงหนึ่งเลยล่ะ” Meister กล่าว

เธอยังเล่าให้ฟังเพิ่มเติมอีกว่า ชายคนดังกล่าวบอกเธอว่าเขาอาศัยอยู่ในเมือง Brisbane และเป็นนักออกแบบภายในโดยเขาเป็นลูกครึ่งอิตาลีกับสกอตแลนด์

ทั้งคู่ก็ได้ส่งข้อความหากันทุกวันจนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้โทรศัพท์หาเธอ “ครั้งแรกที่ฉันคุยกับเขา เขามีสำเนียงที่แปลกกว่าที่ฉันคิดไว้ ฉันยังจำได้เลยว่าตอนนั้นฉันคิดว่า นี่มันสำเนียงอะไรเนี่ย แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเป็นสำเนียงแอฟริกันแน่นอน เพราะเขาเป็นชาวไนจีเรีย” สาวใหญ่เล่าให้ฟังด้วยอารมณ์ที่คับแค้นใจ

แม้ว่า Meister จะมีความสงสัยในตัวชายคนนี้อยู่แต่เธอก็คุยโทรศัพท์กับเขาเรื่อยมาจน 8 สัปดาห์ต่อมา Carlos ได้ขอยืมเงินจากเธอ 600 ดอลล่าร์ (ประมาณ 20,000 บาท) เพราะว่าบัตรเครดิตของเขาใช้ไม่ได้ในประเทศมาเลเซียที่เขาไปทำงาน

“ฉันเริ่มคิดว่ามันเริ่มไม่ชอบมาพากลละ แต่ก็คิดว่ามันไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ฉันก็เลยโอนให้เขาไป” เธอบอกเพิ่ม

แต่ว่าการขอเงินของมิจฉาชีพคนนี้ไม่ได้จบแค่เพียงตรงนี้ แต่ยังมีข้ออ้างต่างๆ ให้ขอเงินจากเธออีกหลายครั้ง

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ Carlos บอกกับเธอว่า ธุรกิจของเขากำลังจะเจาะตลาดประเทศมาเลเซีย แต่เขาต้องใช้เงินนิดหน่อยเพื่อดำเนินงาน

“เงินก้อนแรกที่ฉันส่งให้เขาคือ 7,000 ดอลล่าร์ แต่เขาก็ยังขอเงินฉันเพิ่มอีก 7,000 ดอลล่าร์” สาวผู้โชคร้ายกล่าว

และในตอนที่จะคืนเงินแก่เธอ เขาได้อ้างว่าธนาคารที่เขาใช้ไม่สามารถโอนเงินข้ามประเทศได้ แต่จะส่งเงินไปให้ทางไปรษณีย์แทน เธอจึงเฝ้ารอไปรษณีย์อย่างใจจดใจจ่อทุกวัน

และเมื่อพัสดุถึงสนามบิน กัวลาลัมเปอร์ ก็พบว่าต้องจ่าค่าภาษี 25,000 ดอลล่าร์เพื่อจะให้เงินสามารถนำออกนอกประเทศได้

“Carlos บอกกับฉันว่าจะนำเงินออกนอกประเทศได้ต้องใช้เงินอีก 25,000 ดอลล่าร์และเขาจะใช้คืนทั้งหมดแต่ให้ฉันออกไปก่อน ฉันก็คิดว่าพระเจ้า มีกระเป๋าใบหนึ่งที่มีเงินเต็มไปหมดโดยมีชื่อฉันเต็มไปหมด ฉันจึงตัดสินใจใช้เงินนำเงินของฉันกลับมา”

และเมื่อเงินมาถึงสนามบินเมลเบิร์น ก็พบว่าต้องใช้เงินอีกจำนวนหนึ่งถึงจะเอาเงินออกมาได้

และแล้วก็มาถึงวันกำหนดรับเงินที่เธอได้รับสัญญาจาก Carlos เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากใครคนหนึ่งว่า Carlos และทนายของเขาประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง และเขาต้องการค่ารักษาค่าพยาบาลสักหน่อย นั่นทำให้ Meister รู้ทันทีว่าทั้งหมดนั้นเธอถูกหลอกเข้าแล้ว

“เขาได้โทรมาขอเงินเพื่อรักษาพยาบาลกับฉันอีก แต่ถึงจุดนั้นฉันก็ไม่มีเงินให้เขาแล้ว ฉันจึงบอกเขาว่าฉันไม่สามารถให้เงินเขาได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากนั้นฉันก็เลิกคุยกับเขานับแต่นั้น” หญิงสาวกล่าว

หลังจากนั้นสาวใหญ่คนนี้จึงไปแจ้งตำรวจ แต่ว่าตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก โดยเงินที่เธอเสียไปทั้งหมดเป็นมูลค่ากว่า 100,000 ดอลล่าร์เลยทีเดียว

2 เดือนต่อมาเธอได้รับโทรศัพท์จาก Carlos ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด เธอจึงด่าเขากลับไปว่าคนขี้โกง หลังจากเขาได้ยินคำนั้นเขาก็ตอบกลับมาอย่างเจ็บแสบว่า “จับฉันให้ได้สิ ที่รัก”

โดยเธอบอกว่าเธอหมดหวังในเงินก้อนนั้นแล้ว และที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็เพราะว่าอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้แก่คนอื่นๆ เพื่อที่จะได้ระมัดระวังคนในโลกออนไลน์ไม่ให้เกิดกรณีเดียวกับเธอเกิดขึ้น

แหม น่าสงสารเธอจัง ยังไงๆ ก็ระวังกันหน่อยนะเพื่อนๆ

ที่มา: dailymail