ความแตกต่างของภาพสแกนสมองของเด็กสองคน คนไหนถูกรักคนไหนถูกทำร้าย!?

การเลี้ยงดูเด็กเป็นเรื่องสำคัญเพราะมันคือการวางรากฐานให้พวกเขาสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราสามารถพิสูจน์ความแตกต่างของเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีกับเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทารุณหรือปล่อยปละละเลยได้ ผ่านภาพสแกนสมองนี้

ภาพด้านล่างคือการเปรียบเทียบสมองของเด็กวัย 3 ขวบสองคน ที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของการเลี้ยงดู ด้านซ้ายคือสมองของเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมและได้รับการดูแลเอาใจใส่ ด้านขวาเป็นสมองของเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทารุณ ปล่อยปละละเลย และถูกกีดกันการรับรู้ต่างๆ

 

สมองด้านซ้ายจากเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี สมองด้านขวาของเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างทารุณ

 

ภาพนี้ถูกแชร์โดยศาสตราจารย์ Bruce Perry หัวหน้าฝ่ายจิตเวชของโรงพยาบาลเด็กในรัฐเท็กซัส โดยเขาต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาการทารุณกรรมเด็กว่ามันส่งผลร้ายแรงมากขนาดไหน

เห็นได้ชัดว่าสมองทางด้านขวามีขนาดเล็กกว่ามาก และมีลักษณะที่แตกต่างจากสมองของเด็กอีกคนอย่างชัดเจน เพราะการขยายตัวของโพรงในสมองและเยื่อหุ้มสมองเสื่อมที่สามารถสังเกตเห็นได้

ปัญหาที่ตามมาจากลักษณะของสมองที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในแบบนั้นก็คือ การเจริญเติบโตของเด็กจะช้ากว่าปกติและมีปัญหาในเรื่องของความจำจากการที่เยื่อหุ้มสมองเสื่อม ซึ่งอาการดังกล่าวพบได้ในคนแก่ผู้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์

 

ภาพในลักษณะเดียวกันจากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Oxford ในปี 2010 ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ต่างกับภาพที่เราได้เห็นในปัจจุบัน

 

ผลกระทบทางกายภาพไม่ได้เกิดขึ้นกับสมองของเด็กเพียงอย่างเดียว งานวิจัยอื่นๆ ได้บอกว่าเด็กที่ถูกทารุณมีความเชื่อมโยงที่อาจทำให้พวกเขาป่วยเป็นโรคหัวใจหรือโรคอ้วนได้ในอนาคต

นี่จึงเป็นปัญหาระยะยาวที่ส่งผลเสียอย่างมาก ไม่ใช่เพียงแต่ด้านร่างกายแต่รวมถึงด้านจิตใจการเข้าสังคมของเด็กอีกด้วย ด็อกเตอร์ Perry บอกว่าหากเด็กถูกกีดกันจากโลกภายนอก ไม่ได้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก พอพวกเขาโตขึ้นอาจกลายเป็นคนที่พึ่งพาคนอื่นอยู่เสมอ หรือไม่งั้นก็อาจเข้ากับคนอื่นได้ยาก

 

 

นอกจากนั้นยังได้มีการพูดถึงความสำคัญของการเลี้ยงดูจากคนเป็นแม่ โดยงานวิจัยก่อนหน้านี้ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน นักวิจัย Joan Luby ได้ทำการวิเคราะห์เด็กจำนวน 127 คนตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มเข้าโรงเรียน ไปจนถึงตอนเป็นวัยรุ่น เพื่อหาความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงดูจากแม่ที่เอาใจใส่ กับการเลี้ยงดูจากแม่ที่ปล่อยปละละเลย

ผลการวิจัยออกมาว่าความดูแลเอาใจใส่จากคุณแม่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กได้ดีกว่า โดยเฉพาะในช่วงอายุต่ำกว่า 6 ขวบ หรือแม้แต่เด็กที่ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดายไปในตอนเด็กหากได้รับการดูแลเอาใจใส่ในช่วงที่โตขึ้นมาอีกหน่อย ก็ช่วยแก้ไขปัญหาที่พวกเขาเคยเจอในอดีตได้ด้วย

 

 

จากข้อมูลข้างต้นสามารถบอกได้แล้วว่าการทารุณกรรมเด็กไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นในปัจจุบันยังคงมีปัญหานี้ให้เห็นอยู่ได้เรื่อยๆ อย่างเช่นที่มีการบันทึกไว้ใน องค์กรคุ้มครองเด็กสากล (หรือเรียกว่า NSPCC) บอกว่าแต่ในสหรัฐอเมริกา เพียงประเทศเดียวมีเด็กถูกทารุณกว่า 7.2 ล้านคนในแต่ละปี

 

ดังนั้นเราคงจะเพิกเฉยกับปัญหานี้กันต่อไปไม่ได้แล้ว

เพื่ออนาคตที่ดีของชาติในรุ่นต่อๆ ไป

 

ที่มา: dailymail

Comments

Leave a Reply