การให้อภัยใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ ในขณะที่บางคนเลือกที่จะไม่ให้อภัยเลยตลอดชีวิต
แต่สำหรับคุณพ่อคนนี้กลับสวมกอดฆาตกรที่ฆ่าลูกชายของเขา ในระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล และให้อภัยเขาอย่างหมดใจ จนทำให้ศาลท่วมไปด้วยความน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม
ในวันอังคารที่ผ่านมานาย Trey Relford วัย 24 ปี ถูกตัดสินจำคุก 31 ปี ข้อหาฆาตกรรม นายสาลาฮูดิน จิตต์หมวด ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างที่ส่งพิชซ่าในรัฐเคนทักกี เมื่อวันที่ 19 เมษายน ปี 2015
โดยในวันนั้น นายสาลาฮูดิน ได้ออกไปส่งพิซซ่า แต่ในระหว่างทางเขาถูกแก๊งวัยรุ่นสามคนดักปล้น และถูกแทงด้วยมีดพกจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในวันไต่สวนคดี ดร. สมบัติ จิตต์หมวด ผู้เป็นพ่อได้พูดถึงลูกชายที่เสียชีวิตว่า “เขาเป็นคนอ่อนโยน ใจกว้าง และขี้อาย ในคือนั้นลูกชายของผม ต้องไปส่งพิชซ่าอีกแค่เที่ยวเดียวก็จะได้กลับบ้านแล้ว แต่เขากลับถูกสังหารไปซะก่อน”
ในตอนท้าย คำพูดของ ดร. สมบัติ ทำให้ทุกคนในศาลต้องทึ่ง เมื่อเขาหันไปพูดกับฆาตกรที่ฆ่าลูกชายของเขาว่า “ผมไม่โทษคุณสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมโกรธปีศาจที่ทำให้คุณหลงทำผิด”
คุณพ่อยังบอกอีกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาเลือกที่จะให้อภัยฆาตกร เพราะการให้อภัยเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในศาสนาอิสลาม
ท่าน ดร. สมบัติ จิตต์หมวด คุณพ่อของนายสาลาฮูดิน เป็นชาวไทยมุสลิมที่ไปแต่งงานและอยู่อาศัยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ท่านยังเป็นนักการศึกษาและนักกิจกรรมทางสังคมที่แข็งขันอีกด้วย
แน่นอนว่าคำพูดของ ดร. สมบัติ สะเทือนใจทุกคนนั่งฟังอยู่ในศาลเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้พิพากษาเองยังต้องสั่งพักการพิจารณาคดีเพื่อออกไปเช็ดน้ำตา
เมื่อการพิจารณาคดีได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง แม่ของ Relford ได้ยืนขึ้นและพูดเกี่ยวกับลูกชายว่า “เมื่อยังเด็ก เขาเป็นคนที่ดีมาก แต่พอโตเป็นวัยรุ่น เขาได้ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด”
จากนั้น Relford ก็ได้เดินไปขอโทษพ่อของผู้เสียชีวิตด้วยตัวเอง เขาบอกว่า “ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผมยกย่องคุณที่กล้าให้อภัยกับคนที่ทำให้คุณเจ็บ”
“แน่นอนว่าผมไม่สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดของคุณได้ ผมไม่มีข้อแก้ตัวอะไร และขอบคุณสำหรับการให้อภัยจากคุณ”
ต่อมา ดร. สมบัติ ได้จับมือ Relford จากนั้นก็สวมกอดเขา โดยมีสมาชิกครอบครัวของทั้งสองฝ่ายยืนดูอยู่รอบๆ พร้อมน้ำตาที่รินไหลด้วยความซึ้งใจ
จริงๆ แล้ว มีอีก 2 คนที่ถูกจับกุมพร้อม Relford เนื่องจากได้ร่วมกันก่อเหตุ แต่หลังจากพิจารณาจากหลักฐานและเจตนาแล้ว คณะลูกขุนตัดสินใจสั่งฟ้องแค่ Relford เพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นคนลงมือและวางแผน
Relford พูดในชั้นศาลว่าเขาเป็นคนที่พยายามช่วยเหลือผู้ตาย อย่างไรก็ตามหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เขาว่าเป็นคนลงมือฆ่า หลังจากที่ฆ่าเสร็จ เขาก็ได้ทำลายหลักฐานและกินพิชซ่าที่ผู้ตายต้องไปส่งด้วย…
ที่มา dailymail
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.