นี่คือ ‘จักรยานสุดแซ๊บ’ ติดเครื่องเสียงเบสกระหึ่มพร้อมกับเปิดจังหวะโจ๊ะๆ ให้ได้ดิ้นกันในอิตาลี

ตามงานมอเตอร์โชว์ส่วนใหญ่จะมีการจัดแสดงเครื่องเสียงเพื่อติดรถยนต์หรือรถกระบะ เปิดเพลงโจ๊ะๆ สามช่า สายย่อ ตามสไตล์ใครสไตล์มัน แต่ในเมืองปาร์แลโม แคว้นซิซิลี ประเทศอิตาลี กลับมีอะไรที่ล้ำกว่านั้น เพราะเครื่องเสียงแบบเดียวกันมันดันมาติดอยู่กับรถจักรยานซะได้!!

เทรนด์การนำเครื่องเสียงมาติดรถจักรยานนี้เกิดขึ้นโดยกลุ่มวัยรุ่นผู้รักเสียงเพลงภายในเมือง ได้ดัดแปลงนำลำโพงและเครื่องขยายเสียงมาผสานเข้ากับจักรยานคู่ใจเพื่อให้พวกเขาสามารถฟังเพลงได้ในทุกที่ทุกเวลา

 

เทรนด์จักรยานสุดจี๊ด ตอบโจทย์สำหรับคนรักในเสียงเพลง

 

จักรยานแนวใหม่นี้ได้ถูกคิดค้นมานานกว่า 5 ปี จนกลายเป็นที่นิยมของวัยรุ่นภายในเมืองให้พวกเขาได้ใช้เวลาไปกับการแต่งรถ (จักรยาน) ด้วยชุดเครื่องเสียงต่างๆ และการได้ขี่ออกไปโชว์ประสิทธิภาพของเสียงที่มี รวมถึงการได้เปิดเพลงแข่งขันกับคนอื่นๆ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขไปกับมัน

พวกเขามีกลุ่มเฟซบุ๊กเป็นของตัวเองไว้ใช้สำหรับพูดคุย และแนะนำแนวการแต่งรถในลักษณะนี้ เรียกว่าเป็นการแบ่งปันให้ข้อมูลกับคนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน

 

จักรยานรูปแบบนี้ประกอบด้วยแผงควบคุมตรงแฮนด์รถ ลำโพงติดตั้งตรงโครงรถ ส่วนแบตเตอรี่และเครื่องขยายเสียงติดอยู่ตรงเบาะหลัง

 

โดยจักรยานติดเครื่องเสียงสุดคูลแบบนี้มีราคาที่ค่อนข้างแพงไม่ใช่น้อย หนึ่งคันใช้งบประมาณราวๆ 7,700–46,000 บาท และนอกจากเรื่องของเงินแล้วเด็กส่วนใหญ่ก็ได้ทุ่มเทแรงกายและเวลาประกอบ ดัดแปลงมันขึ้นมาทั้งหมดด้วยตัวเองอีกด้วย เรียกว่าเป็นการลงทุนเพื่อความชอบเลยสินะเนี่ย

เมื่อทีมข่าวในประเทศ La Republica ได้เข้าไปสอบถามคนกลุ่มนี้ว่าทำไมถึงยอมลงทุนมากขนาดนั้น คำตอบส่วนใหญ่ก็คือเป็นเพราะความชอบในเรื่องดนตรี และมันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกับได้รับอิสระ อีกทั้งมันยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้นำเงินและเวลาไปใช้ในทางที่ไม่ดี อย่างการเสพยา หรือการก่ออาชญากรรม

 

คลิปวัยรุ่นหนุ่มเปิดเพลงโจ๊ะๆ ผ่านเครื่องเสียงติดจักรยานของเขา

.

 

อย่างไรก็ตามแม้สิ่งนี้อาจไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่กับจักรยานบางคันที่ติดตั้งลำโพงที่มีกำลังมากกว่า 1250 วัตต์ ซึ่งเป็นระดับที่สามารถทำเอากระจกรถหรือหน้าต่างอาคารที่อยู่ใกล้ๆ ถึงกับสั่นได้นั้น ทำให้ชาวบ้านรู้สึกรำคาญหูและทนไม่ได้จนถึงกับแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจัดการกับคนกลุ่มนี้อยู่บ่อยครั้ง

แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะเจ้าของจักรยานส่วนใหญ่ยังคงเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ตำรวจจึงทำได้เพียงไล่พวกเขาไปเท่านั้น แต่คนที่ถูกไล่ส่วนใหญ่ก็เพียงแค่ปั่นย้ายที่ทิ้งระยะห่างไปเพียงนิดเดียวแล้วก็เปิดเพลงฟังใหม่อยู่ดี

ถึงอย่างนั้นการร้องเรียนที่เกิดขึ้นในหลายๆ ครั้งก็ทำให้จักรยานรูปแบบนี้มีให้เห็นน้อยมากในปัจจุบัน

 

ลำโพงที่ทำให้เสียงที่ออกมาดังจนเกินไป สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน

.

 

การจะทำสิ่งที่เราชอบนั้นไม่มีใครว่า แต่เราต้องคำนึงถึงผลกระทบส่วนรวมกันด้วย จึงจะอยู่กันได้อย่างสันติ

 

ที่มา: odditycentral

Comments

Leave a Reply