ถ้าคนอ้วนกินช็อกโกแลต 5 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันไม่ให้พวกเขาเกิดโรคหัวใจวายได้

ช็อกโกแลตเป็นสิ่งที่หลายคนเข้าใจว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับคนอ้วนยิ่งไม่ควรไปกินมันเพราะจะทำให้อ้วนมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่งานวิจัยนี้ได้ออกมาลบล้างความเชื่อนั้นไปเพราะผลลัพธ์ออกมาแล้วว่า ถ้าคนที่มีน้ำหนักเกินปกติกินช็อกโกแลต 5 ครั้งต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจวายได้

คนทั่วไปอาจทราบกันดีว่าคนที่มีน้ำหนักมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็น โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ (หรือเรียกว่า CAD) จนอาจเกิดภาวะหัวใจวายขึ้นมาได้ แต่งานวิจัยก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าช็อกโกแลตสามารถช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องนี้ได้

 

 

ผลลัพธ์ดังกล่าวเกิดจากงานวิจัยศูนย์การแพทย์ของโรงพยาบาลในบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ทำการศึกษากับทหารผ่านศึกจำนวน 148,465 คนที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 64 ปี โดย 90 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ชาย

ในตอนแรกผู้เข้ารับการวิจัยทุกคนไม่มีใครป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจเลย จากนั้นพวกเขาแต่ละคนก็ถูกแบ่งกลุ่มตามความถี่ในการกินช็อกโกแลตขนาด 28 กรัมต่อหนึ่งสัปดาห์ บางคนได้กิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ บางคนได้กิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือบางคนไม่ได้กินเลย

 

 

ผ่านไป 2 ปีครึ่ง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 4,065 คนมีอาการป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ และจากการวิเคราะห์พบว่าคนที่มีน้ำหนักมากเกินค่ามาตรฐานและรับประทานช็อกโกแลต 5 ครั้งต่อสัปดาห์แทบจะไม่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคดังกล่าวเลย โดยเฉพาะกับคนที่บริโภคดาร์กช็อกโกแลต

ผลลัพธ์อันน่าทึ่งนี้เชื่อว่าเกิดจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากในช็อกโกแล็ต จึงทำให้ลดคอเรสตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกายลงได้ทำให้ไม่เกิดปัญหาไขมันอุดตัน

นอกจากนั้นสารประกอบ Flavanols ก็ช่วยลดความดันโลหิต ทำให้เลือดลมสูบฉีด และป้องกันสภาวะลิ่มเลือดได้อีกด้วย

 

 

แต่ที่แปลกก็คือจากการศึกษาพบว่าผลลัพธ์ที่ได้ในเรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นกับคนที่มีน้ำหนักเป็นปกติหรือผอมกว่าปกติ ส่งผลแค่กับคนอ้วนเกินไปเท่านั้น โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าประสิทธิภาพของมันน่าจะไม่รุนแรงพอ มันจึงเกิดผลแค่กับคนอ้วนที่อยู่ในระดับสุ่มเสี่ยงเท่านั้น

 

 

นับว่าเป็นอีกหนึ่งเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่เชื่อว่ามันคงเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ หลายคนได้ลองไปปรับใช้กันในชีวิตประจำวันได้ แต่ทางที่ดีรักษาน้ำหนักของเราเอาไว้ไม่ให้เกินเกณฑ์น่าจะดีที่สุดนะ

 

ที่มา: ladbible , dailymail

Comments

Leave a Reply