หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น่าสลดของน้องเมย ภคพงศ์ นักเรียนเตรียมทหารที่เกิดการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากในสังคมไทยอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทารุณกรรมร่างกาย รวมถึงเรื่องของอวัยวะภายในที่หายไปอีกด้วย
และหนึ่งในเรื่องที่ถูกหยิบยกมาเป็นข้อสันนิษฐานการเสียชีวิตของ นรต.ภคพงศ์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 นั่นก็คือเรื่องของการทำโทษนั่นเอง
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีนายทหารท่านหนึ่งโพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับหลักการทำโทษพร้อมขอร้องให้ทุกคนอย่าเข้าใจผิดและสามัคคีกันไว้
ในใจความของโพสต์ของนายทหารท่านนี้ กล่าวว่าการทำโทษด้วยท่าหัวปักนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะทำให้ผู้ที่ไม่เคยฝึกมีอาการบาดเจ็บได้ แต่สำหรับผู้ที่ฝึกมานั้นสามารถทำได้อย่างไม่เป็นปัญหา
พร้อมกับบอกว่าพวกตนที่เคยผ่านการฝึกหน่วยรบพิเศษนั้นก็เคยทำโทษด้วยท่านี้และไม่เคยได้รับอันตรายแต่อย่างใด แต่การฝึกและอันตรายนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคล
.
เนื้อหาของโพสต์ดังกล่าว
“คนไทยด้วยกันสามัคคีกันไว้
ในมุมมองทางการแพทย์ ย่อมมีความเป็นห่วงเป็นธรรมดา เพราะท่า ‘หัวปัก’ อาจเป็นอันตรายกับคนที่มีโรคประจำตัว หรือ คนที่ไม่เคยฝึกอาจได้รับบาดเจ็บ กล้ามเนื้อหรือกระดูกต้นคอหากผิดพลาด
ในมุมมองของผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมา ก็ถือว่าเป็นท่าปกติธรรมดา เพราะกล้ามเนื้อคอได้รับการฝึกฝนมาแล้ว ใครๆก็ทำได้ นานเป็นชั่วโมงก็ยังได้
แล้วในระยะยาวพวกรุ่นพี่ที่ผมรู้จักที่ผ่านหลักสูตรรบพิเศษไม่ว่า ทบ. ทร. ทอ. ตร. ที่ผ่านการฝึกท่า หัวปัก มาอย่างโชกโชน จนอายุมาก หรือ เกษียณไปแล้ว ก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีปัญหาสุขภาพจากท่านี้
แต่!ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย 100% ในระยะยาว เพราะหากแก่ตัวไปกระดูกเริ่มเปราะบางอาจงานเข้าก็ได้ หรือ เริ่มมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน หลอดเลือดสมอง ยิ่งงานเข้าชิ้นโตเลย
ในโลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ และไม่มีอะไรแน่นอน ปัจจัยตัวบุคคลแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น!!! ความเห็นและมุมมองมันย่อมแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา มันเกิดจากประสบการณ์ที่แต่ละบุคคลสะสมมา
ไม่มีประโยชน์ที่จะไปหาว่าใครถูกใครผิด เพราะผลลัพธ์ที่เกิดกับแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
แต่ไม่ดีแน่หากความเห็นต่างนำมาซึ่งความเบียดเบียน หรือ เกลียดชังกัน สุดท้ายแตกแยกทะเลาะเบาะแว้ง เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย
ต่างคนต่างมุมมองคือธรรมชาติของมนุษย์ ยอมรับธรรมชาติข้อนี้แล้วปรับตัวเข้าหากันที่จุดกึ่งกลาง
สามัคคีกันไว้ประเทศชาติจะได้สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง
***เอาเวลาที่จะดราม่า ไปทำประโยชน์ต่อส่วนรวมแบบ’พี่ตูน บอดี้แสลม’ดีกว่า แล้วจะค้นพบความสุขที่แท้จริงในจิตใจ แล้วจะภาคภูมิใจไปตลอดกาลนาน”
และหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของนายทหารท่านนี้ ซึ่งส่วนมากแล้วไม่เห็นด้วยกับข้อภาพและเนื้อหาดังกล่าว
ความคิดเห็นบางส่วนจากชาวเน็ตซึ่งจะขอแคปมาตามแนวโน้มความเห็นส่วนใหญ่ ที่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการโชว์นี้เท่าไรนัก
.
.
.
.
.
.
ใครคิดเห็นอย่างไร ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะฮะ
เรียบเรียง #เหมียวเวจจี้
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.