Vhils’ ชายผู้สร้างสรรค์ผลงานกราฟฟิตี้ด้วยการ “แกะสลักกำแพง” จนเป็นผลงานสุดเจ๋ง!!

เวลาพูดถึงงานสตรีทอาร์ตนั้น เราก็จะนึกถึงการทำงานจำพวกกราฟฟิตี้ หรือการวาดอะไรบางอย่างลงไปบนกำแพงเพื่อให้มันเกิดเป็นศิลปะที่น่าดึงดูดใจ แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นงานสตรีทอาร์ตแจ๋วๆ ที่เกิดจากการแกะสลักกำแพง…

Alexandre Farto หรือที่คนในวงการจะรู้จักกันในชื่อ Vhils เขาเป็นศิลปินชาวโปรตุเกสที่มีฐานการสร้างผลงานอยู่ที่เกาะมาเก๊า ประเทศจีน โดยเขามีวิธีการสร้างผลงานที่คนอื่นๆ ไม่ค่อยทำนักนั่นก็คือการแกะสลักกำแพงให้เป็นใบหน้าของคนดังต่างๆ

Vhils เล่าว่าเขาเริ่มงานสายสตรีทอาร์ตมาตั้งแต่อายุ 13 ปี โดยตอนแรกเริ่มจากการทำภาพกราฟฟิตี้ตามกำแพงของเมืองและแน่นอนว่ามันผิดกฎหมาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นเขาก็ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ทำมันมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งทำให้งานปัจจุบันของเขาแตกต่างจากการพ่นสีกราฟฟิตี้ทั่วไป

แนวคิดการทำงานศิลปะของเขามันเริ่มจากวันหนึ่งเขาคิดว่าได้ ทำไมตัวเองจะต้องเพิ่มอะไรลงไปบนกำแพง ทำไมไม่สร้างผลงานขึ้นมาจากอะไรที่มันมีมาก่อนอยู่แล้ว วินาทีนั้นเขาจึงเปลี่ยนแนวทางในการสร้างผลงานของเขาจนเกิดเป็นการแกะสลักในปัจจุบัน

ส่วนสาเหตุที่เขาเลือกมาเก๊าเป็นสนามสร้างสรรค์งานของเขานั่นก็เพราะว่า ที่มาเก๊ามีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากที่อื่นๆ โดยตัวเมืองนั้นเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างทั้งเก่าและใหม่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ซึ่งมันสามารถรับรู้ได้ทุกครั้งที่เขาเริ่มสร้างผลงาน

ขั้นตอนการทำงานของ Vhils นั้นมีขั้นตอนที่ไม่มากนักแต่ต้องคิดให้ดี เขาออกเดินทางไปตามจุดต่างๆ ของเมืองถ่ายภาพและสเกตจุดต่างๆ ออกมา จากนั้นก็เลือกภาพใบหน้าของคนแตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อได้แบบแล้วขั้นต่อไปคือเลือกกำแพงที่จะสร้างผลงาน ปิดท้ายด้วยการบรรเลงเพลงแกะสลักของเขา แน่นอนว่าทุกแห่งได้รับอนุญาตแล้ว

สุดท้าย Vhils บอกว่าความสนุกในการทำงานแกะสลักกำแพงนี้มันมีผลออกมาสองแบบ อย่างแรกคือตอนที่ได้ลงมือทำ ซึ่งเขาบอกว่าตัวเขาเองไม่รู้เลยว่าผลงานที่ทำนั้นจะมีผลลัพธ์แบบไหน มันจะออกมาดีหรือแย่เพราะกำแพงทุกที่นั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันไป

ส่วนความสนุกอย่างที่สองของเขาคือผลลัพธ์ที่ตามมา ผลที่เกิดจากปฏิกิริยาของผู้ที่ชมผลงานของเขา เพราะว่าทุกคนล้วนมีความรู้สึกมีความคิดในแบบของตัวเองที่มีให้แก่งานของเขา

ฉะนั้นมันจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจและทำให้เขามีความสุขในการทำงานมาก จนเกิดเป็นแรงพลักดันให้เขาทำมันต่อไปนั่นเอง…

ที่มา Great Big Story