กฎหมายบ้านเมืองที่บังคับใช้กันในทุกวันนี้ย่อมมีที่มาที่ไปเสมอ บางกฎตั้งขึ้นเพื่อจัดระเบียบในสังคม ในขณะที่บางกฎตั้งขึ้นหลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว นั่นก็เพื่อไม่ได้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำอีก
เหมือนอย่างกฎหมายการคุ้มครองเด็กจากการทารุณกรรมที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ถูกตั้งขึ้นและบังคับใช้หลังจากที่มีการกดขี่เด็กหญิงคนหนึ่ง
นี่คือคำบอกเล่าจาก Mary Ellen Wilson เด็กหญิงผู้ถูกกดขี่ “ฉันชื่อ Mary Ellen Wilson ฉันไม่รู้ว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ ฉันโดนแม่ตีและเฆี่ยนด้วยแส้เกือบทุกวัน ฉันไม่เคยได้รับการจูบด้วยความรัก”
“ฉันไม่เคยได้รับอนุญาตให้เล่นกับเด็กคนอื่นๆ ฉันไม่กล้าพูดกับใคร เพราะถ้าฉันทำ ฉันจะโดนเฆี่ยน…เมื่อแม่ออกไปข้างนอก เธอจะล็อกประตูขังฉันไว้ในห้อง ฉันจึงไม่มีโอกาสได้ออกไปข้างนอกเลย…”
ไม่ใช่แค่ Mary Ellen คนเดียว แต่มีเด็กๆ นับไม่ถ้วนที่ถูกทารุณกรรมเช่นเดียวกับเธอ และเรื่องราวของพวกเขามักจะถูกรายงานผ่านสื่อบ่อยมาก
ตามข้อมูลจาก Army Community Service Family Advocacy Group ระบุว่า ทุกๆ วันจะมีเด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน ซึ่งเป็นผลมาจากการทารุณกรรม โดยสามในสี่มีอายุต่ำกว่า 4 ขวบ
ย้อนกลับไปในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา ไม่มีกฎหมายสำหรับคุ้มครองเด็กๆ จากการถูกทำร้ายร่างกายโดยพ่อแม่ของพวกเขา นั่นทำให้พ่อแม่มักจะลงโทษลูกตัวเองอย่างหนักเมื่อไม่เชื่อฟังคำสั่ง
กรณีของ Mary Ellen เกิดขึ้นเมื่อปี 1874 และเรื่องราวของเธอนี้เองที่เปลี่ยนความเข้าใจของสาธารณชนเกี่ยวกับการล่วงละเมิดต่อเด็กอย่างสิ้นเชิง ยิ่งกว่านั้นสังคมยังให้ความร่วมมือในการป้องกันและยุติการทารุณกรรมต่อเด็กด้วย
Mary Ellen เกิดเมื่อปี 1864 ภายใต้ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในย่าน Hell’s Kitchen ของเมืองนิวยอร์กซิตี้ โดยหลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต แม่ของเธอก็พยายามจะทิ้งเธอ เพราะไม่สามารถดูแลเธอได้อีกต่อไป
ต่อมาเด็กหญิงถูกส่งตัวไปอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อ Mary Score ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวของแม่ที่กำลังมีปัญหาทางการเงิน ทั้งยังไม่สามารถจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ Mary Score ได้อีกด้วย
เมื่อ Mary Ellen อายุ 2 ขวบ เธอก็ถูกส่งไปอยู่ที่กรมองค์กรการกุศล New York City Department of Charities โดยมี Thomas และ Mary McCormack เป็นผู้ดูแลคนใหม่ของเธอ
ทั้งนี้ทางกรมต้องการรายงานประจำปีเพื่อเช็กสภาพของเด็กๆ ที่นั่น แต่ดูเหมือนครอบครัว McCormacks ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่และมักจะส่งข้อมูลเท็จไปให้ทางกรมเสมอ
หลังจากนั้นไม่นาน Thomas ได้เสียชีวิตลง ส่วน Mary McCormack แต่งงานใหม่และพา Mary Ellen ย้ายไปอยู่ที่อพาร์ทเมนต์บนถนน West 41 ซึ่งเป็นสถานที่ที่เรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวถูกเปิดเผยในที่สุด
เพื่อนบ้านเป็นกลุ่มแรกที่สงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับการดูแลเด็กของแม่บุญธรรมคนนี้ หนึ่งในนั้นคือ Connolly เธอได้ขอให้ Etta Angell Wheeler ซึ่งเป็นนักศาสนาเข้าไปตรวจสอบภายในบ้านดังกล่าว
แน่นอนว่าทางครอบครัว Mary McCormack ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในบ้านง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เพื่อนบ้านจึงแต่งเรื่องหลอกคนดูแลอพาร์ทเม้นต์ว่าจะเข้าไปดูแลคนชราที่อยู่ในบ้านหลังนั้น ในที่สุดพวกเขาก็ได้กุญแจมาและได้เข้าไปยังห้องที่ Mary Ellen อยู่
และแล้ว Etta กับ Connolly ก็เห็นภาพที่ทำเอาพูดไม่ออก ซึ่ง Etta พูดในห้องพิจารณาคดีว่า “เราเห็นเด็กหญิงผอมแห้งคนหนึ่ง เธอตัวเล็กเหมือนเด็กประมาณ 5 ขวบ ทั้งๆ ที่ความจริงเธออายุ 9 ขวบแล้ว”
“เธออยู่ในครัวและกำลังล้างกระทะขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักกว่าเธอถึงเท่าตัว ตรงข้ามกับโต๊ะ มีแส้ที่ทำจากหนังวางอยู่ เธอดูอ่อนแรงมากๆ และลำตัวของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลที่มาจากการถูกใช้งานหนัก”
“ที่น่าเศร้าที่สุดคือ ใบหน้าของเด็กหญิงบ่งบอกทุกเรื่องราวที่เธอต้องเจอ โดยไม่มีเรื่องน่ายินดีเลยสักนิด มีเพียงแค่ด้านที่น่ากลัวในชีวิตเธอ”
ตามรายงานในเดือนธันวาคมระบุว่า “Etta คาดว่าเด็กหญิงน่าจะถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรง ขาดสารอาหาร และถูกละเลยมาตลอด”
หลังจากที่เห็นสภาพเด็กหญิงตามนั้น Etta รีบไปแจ้งความทันที แต่สิ่งตำรวจตอบกลับมาคือพวกเขาต้องหาหลักฐานการทำร้ายร่างกายเพื่อยืนยันเรื่องนี้
นั่นหมายความว่าเรื่องราวของเด็ก รอยฟกช้ำ รอยแผล และสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่นั้นไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การฟ้องร้องได้
ตอนนั้นมีกฎหมายคุ้มครองเด็กจากการถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในครอบครัว จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงภายในบ้านที่เกิดปัญหาได้
Etta ไม่ละความพยายามและตั้งใจจะแก้ไขปัญหานี้ เธอจึงไปปรึกษาทนายความ Henry Berg ผู้ก่อตั้ง American Society องค์กรที่เกี่ยวกับการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์
นอกจากทนาย Henry แล้ว เธอยังได้รับความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน จนทำให้สามารถพา Mary Ellen ออกจากบ้านอันโหดร้ายนั้นได้สำเร็จ พร้อมทั้งส่งแม่เลี้ยงใจร้ายไปขึ้นศาลสูงสุดของนิวยอร์ก
ในห้องพิจารณาคดีเด็กหญิง Mary Ellen กล่าวว่า “พ่อแม่ของฉันเสียชีวิตแล้ว ฉันไม่รู้ว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยก่อนที่จะได้มาอยู่กับ McCormacs”
“ฉันถูกตีด้วยแส้นับครั้งไม่ถ้วน จะไม่เคยถูกอุ้มให้นั่งบนตักแล้วลูบด้วยความห่วงใย ฉันไม่กล้าพูดกับใคร เพราะถ้าทำแบบนั้น ฉันจะโดนตีอีก”
“ฉันไม่เคยรู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร เพราะ McCormacs จะเฆี่ยนตีฉันโดยไม่พูดอะไรเลย”
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ McCormac ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ส่วน Mary Ellen ถูกส่งไปอยู่ในบ้านเด็กและเยาวชน
เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงและมีการปฏิวัติในระบบกฎหมายของสหรัฐอเมริกา
และในปีเดียวกับนี้สมาคมเพื่อการป้องกันการทารุณกรรมเด็ก(New York Society for Prevention of Cruelty to Children) ก็ถูกก่อตั้งขึ้น
สภาพห้องที่ Mary Ellen เคยถูกทารุณกรรม
ต่อมาในปี 1888 Mary Ellen ในวัย 24 ปีได้แต่งงานกับคนที่เธอรักและไม่นานหลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นคุณแม่ลูกสอง แถมยังรับเลี้ยงเด็กหญิงกำพร้าด้วยคนหนึ่งและตั้งชื่อให้เธอว่า Etta ตามชื่อ Etta Wheeler ซึ่งเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอและเป็นคนแรกที่ทำให้เธอสัมผัสกับความรัก
ที่มา thevintagenews
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.